ss

13 ต.ค. 2554

Pre-Jump โดดก่อนได้เปรียบ

ถ้าคุณต้องการที่จะรักษาความเร็วเมื่อคุณต้องโดดเนิน ไม่ว่าจะลูกเล็กลูกใหญ่เพื่อไปต่อให้ถึงเส้นชัยก่อนใคร คุณจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ศิลปะการกระโดดที่เรียกว่า Pre-Jump

ย้อนกลับไปที่ยุคต้นปี 90 ผู้ชมรักที่จะยืนดูรอบ ๆ ตรงเนินดินที่สูงชันในการแข่ง Downhill ในตอนนั้นยังไม่มีการกระโดดข้ามเนินใหญ่ ๆ หรือการ Drop จากที่สูง ๆ ที่จบลงด้วยการกระแทกลงพื้นอย่างแรง มีแต่เพียงการขี่ชนกองหินหรือเนินดินเล็ก ๆ ที่ไม่สูงนักด้วยความเร็วที่เกือบจะการันตีความปลอดภัย ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการขี่ในเส้นทางที่มีเนิน ในงาน Italian World Cup DH Course ปี 1993 มีนักแข่งมืออาชีพหลายคนที่ทำการโดยเนินที่มีตัวรับลึกลงไปเหมือนเป็นการ Drop พวกเค้าลอยอยู่ในอากาศแล้วไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หลังจากนั้นก็จะกระแทกตัวลงสู่พื้นดินอย่างแรงจนเสียการทรงตัว และความเร็วลดลง

สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นจนกระทั่ง John Tomac มาทำการกระโดดแบบ Bunny Hopped ลงเนินที่มีความสูง 12 ฟุตก่อนดรอปลงเสียบตัวรับในจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบ เขานำรถแตะพื้นของตัวรับหลังจากนั้น เขาจะขี่ด้วยความเร็วคงที่และนำพาตัวเองสู่ที่หนึ่ง โดยที่ไม่มีใครที่จะทำเวลาเข้าใกล้เค้าได้ด้วย นี่เป็นเทคนิคที่เรียกว่า การกระโดด Pre-Jumping

มันอาจจะมีการกระโดดในเส้นทางที่คุณขี่ประจำ จนคุณรู้ว่าคุณสามารถจะเคลียร์เส้นทางนั้นได้ แต่การทำเช่นนั้นบ่อย ๆครั้งมันอาจทำให้เสียความสนุกไป แม้ว่ามันอาจจะเป็นเพียงเนินดินที่ไม่ใหญ่ แต่มีความลาดชันลึกลงไป แล้วก็ต้องใช้ความเร็วในการกระโดด ซึ่งอาจทำให้คุณตกลงเลยตัวรับไปกระแทกพื้นข้างล่างได้ ทักษะการกระโดด Pre-Jump ก็เหมือนกับคุณทำ Bunny Hop กระโดดขึ้นไปก่อนที่จะถึงยอดเนินส่ง มันจะทำให้คุณรักษาความเร็วได้โดยไม่เสียการควบคุม และช่วยคุณเคลียร์การกระโดดลงตัวรับอย่างราบรื่น ต่อจากนี้คือวิธีการของการกระโดด Pre-Jump

1.ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
การกระโดดแบบ Pre-Jump ต้องมีพื้นฐานของการกระโดดแบบ Bunny Hop ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงท่าไปใช้ในการโดด ดังนั้นคุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะต้องลอยตัวขึ้นไปสูงเท่าไหร่ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้ในลาดจอดรถที่โล่ง ๆ เลือกเส้นจราจรบนพื้นลานจอดรถเพื่อกำหนดเป็นตำแหน่งที่คุณใช้เป็นแนวการกระโดด พยายามเคลียร์การกระโดดให้ได้ในแต่ละครั้ง เพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อสังเกตจุดที่ลงพื้นที่ และทำการฝึกกระโดดแบบ Bunny Hop เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนคุ้นชิน

2.ฝึกฝนในทุก  ๆ ที่
คุณสามารถฝึกกระโดยแบบ Pre-Jump ได้ในทุก ๆ ที่ แค่เพียงการฝึกฝนก็สามารถทำให้คุณขี่ในทางลาดชัน หรือบนเนินดินได้ดี แม้กระทั่งบนทางเท้าบริเวณถนนไม่มีรถวิ่ง คุณก็สามารถใช้เป็นที่ฝึกฝนได้ ถ้าคุณโชคดีพอมีทาง BMX หรือลานสเก็ตที่โรงเรียนใกล้ ๆ บ้าน สถานที่เหล่านี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการฝึกฝน

3.ขั้นตอนแรก
หลังจากที่ใช้เทคนิคการฝึกฝนในลานจอดรถ ก็ควรที่จะหาเนินเล็ก ๆ เพื่อที่จะใช้ในการฝึกฝนต่อไป ก่อนอื่นกระโดยขึ้นไปในแนวราบปกติและบันทึกไว้ว่าคุณเสียความเร็วไปเท่าไหร่เมื่อรถลงแตะพื้น ต่อจากนั้นคุณลองใช้เทคนิค Bunny Hop และใช้ทักษะการตัดสินใจเรื่องระยะทางของคุณด้วย เมื่อคุณพร้อมให้ขี่ขึ้นไปบนเนินช้า ๆ หลังจากนั้นให้กระโดดลงสู่ตัวรับด้านล่าง คุณจะสังเกตเห็นว่าคุณไม่เสียความเร็วลงเลย หลังจากนี้ให้เพิ่มความเร็วขึ้น และกระโดดเร็วขึ้นเหมือนที่คุณทำในลานจอดรถ ทำต่อไปเรื่อย ๆจนกระทั่งคุณทำได้เท่าที่คุณกล้าที่จะทำ หรือจนกระทั่งคุณมีความมั่นใจกับการกระโดดแบบ Pre-Jump อย่างเต็มที่

4.คิดในแง่บวก
คิดในทางบวกและขี่อย่างขะมักเขม้น ถึงแม้ว่าการกระโดดแบบ Pre-Jump จะเป็นเทคนิคการกระโดดขั้นสูง แต่มันง่ายที่จะเรียนรู้ เพียงจำไว้ว่า การฝึกฝนจะทำให้การกระโดดสมบูรณ์แบบ เมื่อคุณมีเทคนิคที่ถูกต้อง และมีความเร็วในการขี่ดี คุณสามารถทำการกระโดดแบบ Pre-Jump ได้ในระยะทางที่บ้าระห่ำ

5.พัฒนาทักษะของคุณ
Bunny Hop ไม่ใช่เทคนิคเดียวของการกระโดดแบบ Pre-Jump มันยังมีเทคนิคอื่น ๆ อีกที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อคุณมีความมั่นใจกับการโดด เมื่อคุณขี่ขึ้นไปบนเนิน และดึงล้อหน้าให้พ้นพื้นดินเบา ๆ แล้วก็ดึงล้อหลังขึ้นด้วยการถ่ายน้ำหนักตัวของคุณ วิธีที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้เทคนิคนี้คือการขี่บนทางของ BMX ลองหาเนินแบบ Single Jump ที่จะใช้เริ่มในการฝึก จำไว้เสมอว่าให้ดึงล้อหน้าก่อนที่จะถึงยอดเนิน

สิ่งที่ไม่ควรกระทำในการ Pre-Jump การกระโดดสูงเกินไป
ไม่ว่าคุณทำอะไร ต้องมั่นใจว่าคุณทำ Bunny Hop ที่ไม่สูงจนเกินไปจนเกิดความเสี่ยงในการลงสู่พ้น ถ้ามันเป็นเนินที่ใหญ่ คุณอาจจะเจอปัญหามากมาย ให้จำไว้ว่าใหญ่กว่าไม่ได้ดีเสมอไป

ประมาณการผิดพลาด
ตรวจสอบให้แน่ใจว่คุณประมาณการระยะทางได้อย่างถูกต้อง ถ้าประมาณผิดพลาด ล้อหน้าเกิดการสะดุดมันอาจส่งผลให้ตัวคุณเองลอยข้ามแฮนด์จับม้วนหน้าลงสู่พื้นได้

ความเร็วที่มากเกินไป
คุณสามารถเพิ่มความเร็วได้จากการทำ Pre-Jumping แต่ต้องมั่นใจว่าไม่เพิ่มความเร็วจนมากเกินไปให้คำนึงถึงเส้นทางปัญหา กับอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้าต่อไปด้วย ถ้าเส้นทางด้านหลังโล่งคุณสามารถเพิ่มความเร็วได้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง