ss

11 พ.ย. 2553

เทคนิคการหายใจสำหรับนักปั่นจักรยาน [เทคนิคการปั่นเสือภูเขา]

เทคนิคการหายใจสำหรับนักปั่นจักรยาน
 [เทคนิคการปั่นเสือภูเขา]
          
          เทคนิคการหายใจ 1. ขณะขี่แข่งขันถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการแข่งขัน: ทำได้ดังนี้ ถ้าคุณหายใจไม่ทันขณะที่ปล่อยตัวออกไปอย่างรวดเร็ว คุณต้องฝึกการหายใจเข้า - ออกทุกๆ วันก่อนออกฝึกซ้อม
มีวิธีฝึกดังนี้
    1. ฝึกหายใจเข้าทางจมูกให้เต็มปอด และ เป่าลมออกทางปากจนหมดปอด จังหวะการหายใจให้หายใจลึกๆ ( ยาว ) ช้าๆก่อนทั้งเข้า - ออก
     2. ฝึกหายใจเข้า-ออกทั้งทางปากและจมูกพร้อมๆกัน จังหวะการหายใจเหมือนแบบที่ 1.  
    3. รวมการหายใจแบบที่ 1+2 เข้าด้วยกันแต่เน้นจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงแรงและเร็วเหมือนแข่งขันฯประมาณ 15-20 สะโตก( เข้า - ออก ) แล้วผ่อนการหายใจยาวๆเป็นแบบที่หนึ่งหรือสองจนกว่าจะรู้สึกว่าหายเหนื่อยดีแล้วก็ให้กลับมาเริ่มฝึกหายใจแบบที่สามอีก คือหนักหน่วงแรงและเร็ว  ทำสลับกันอย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที แล้วก็ออกไปฝึกซ้อม  [เทคนิคการปั่นเสือภูเขา]


หมายเหตุ: การฝึกแรกๆระวังหน้ามืดเป็นลม ต้องค่อยเป็นค่อยไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้ดีแล้วคุณจะเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการหายใจว่า " นี่คือหัวใจของความอึด " ในการปั่นเสือที่คุณชอบครับ การฝึกหายใจเป็นประจำทำให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับฝึกประสาทควบคุมการหายใจให้รับรู้วิธีการหายใจในขณะแข่งขันฯ ทำให้คุณผ่านพ้น " ภาวะอึดอัด "  ( หายใจไม่ทัน )ไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการปั่นแข่งขัน  มากกว่าคนที่ไม่เคยฝึกเทคนิคการหายใจครับ  แต่ทุกๆคนต้องหายใจเพื่อชีวิตเพียงแต่ว่าคุณหายใจได้ดีแค่ไหน ? โดยเฉพาะอากาศออกซิเจนที่คุณต้องการน่ะมากพอหรือยังครับ

เทคนิคการหายใจ 2.( การหายใจที่นุ่ม-ลึก ) [เทคนิคการปั่นเสือภูเขา]
 เราเรียนรู้การหายใจมาพอสมควรแล้ว ต่อไปนี้เราจะใช้จังหวะการหายใจในการขี่แต่ละแบบดังนี้
     1. การหายใจในการขี่ทางเรียบ : จะใช้การปั่นแบบ 8 สะโตก คือเมื่อหายใจออก( เร็วปานกลาง ) กดลูกบันไดให้ได้ 4  ครั้ง และเมื่อหายใจเข้า ( ช้ากว่าหายใจออกเล็กน้อย )  ให้ดึงหัวเข่าขึ้นให้ได้ 4 ครั้ง จังหวะการหายใจออกถีบ 1 2 3 4 ครั้ง หายใจเข้าดึงเข่าขึ้น 5 6 7 8  ครั้ง
     2.การหายใจขณะขี่ทางขึ้นเขา :  จะใช้การปั่นแบบ 4 สะโตก คือ เมื่อหายใจออก ( เร็วขึ้น ) ให้ถีบลูกบันไดให้ได้ 2 ครั้ง และเมื่อหายใจเข้า ( ช้าปานกลาง )ให้ดึงหัวเข่าขึ้นให้ได้ 2 ครั้งเช่นกัน จังหวะการหายใจ ( 1 2 - 3 4 )
    3. การหายใจขณะขึ้นเขาชัน : จะใช้การปั่นแบบ 2 สะโตก คือเมื่อหายใจออก( เร็วกว่า )ให้ถีบลูกบันไดลงหนึ่งครั้ง และดึ่งหัวเข่าขึ้นหนึ่งครั้งเมื่อหายใจเข้า( เร็วกว่า ) จังหวะการหายใจ ( 1-2 )แบบนี้จะสัมพันธ์กับการปั่นลูกบันไดตลอดเวลา
     4.การหายใจขณะสปริ้นท์ : จะเป็นการปั่นลูกบันไดแบบ2 สะโตกเช่นกันแต่การหายใจจะเร็วกว่าทุกๆแบบที่กล่าวมาข้างต้น

หมายเหตุ : การหายใจที่นุ่มนวลตลอดเวลาต้องอาศัยสมาธิและการฝึกฝน ( นุ่ม-ลึก ) ทำให้ประสิทธิภาพการปั่นจักรยานดีขึ้น ถ้ารู้จักการใช้จังหวะการปั่นลูกบันไดให้สัมันธ์กับการหายใจเข้า - ออกข้างต้น
[เทคนิคการปั่นเสือภูเขา]


เครดิตบทความ :เสือเฒ่า เทอร์โบ


3 ความคิดเห็น:

  • Unknown says:
    23/6/57 00:58

    อย่าทำนะครับ ระวั งบางคนเจ็บกะบังลม
    บางคนหัวใจเต้นผิด
    ผมว่าการหายใจพร้อมการเคลื่อนไหวแบบนั้นมันไม่สอดคล้องกัน
    การออกแรงมันก็รวบรวมคาร์บอนไดร์ออกไซด์ในร่างกายยุแล้ว
    แล้วจังหวะที่เราไปถึบแบบนั้นมันก็ไปเพิ่มคาร์บอนไดร์ออกไซเข้าไปอีก
    ไม่ใช่แน่นอนครับ
    การที่อยากฝึกเรื่องการหายใจอยากขยายปอด
    แนะนำให้นั่งสมาธิเฉยๆดีกว่า
    การนั่งสมาธิ
    หายใจรอบแรก
    หายใจเข้าจมูกนับ1-2-3-1 แล้วหยุดพัก1วิ แล้วค่อยๆหายใจออกทางจมูกนับ1-2-3-1 แล้วหยุดพัก1วิ
    จนไปถึงหายใจเข้า1-2-3-100 หายใจออกนับ1-2-3-100
    ฝึกนั่งสมาธิเฉยๆ ปอดก็ขยายแล้วครับ
    คล้ายนั่งสมาธิชาวพุทธนั้นแหละครับ
    ถ้าเป็นชาวพุทธจะหายใจเข้าท่องพุทธ หายใจออกท้่องโธ
    หลักการคือช้าๆสบายๆ รีบไปไม่ช่วยให้ดีขึ้นหรอกครับ
    ยิ่งรีบยิ่งเสียสมาธิ เราต้องช้าๆ ไม่ต้องสนใจว่าเสร็จช้า
    ช้าสบายๆ

    คือผมเคยทำแบบนี้แล้วมันไม่ดีไง ผมเลยขอเตือน
    ไม่อยากให้ใครต้องเป็นแบบผม

  • Unknown says:
    23/6/57 01:09

    นั่งสมาธิบ่อยๆ หายใจช้าๆลึกๆเข้า-ออก ขั้นต่ำ100ครั้งต่อวันก็โอเคครับ
    หรือถ้าว่าง ทำไปถึง1000ก็ได้ แล้วแต่สมาธิคน
    ก็แบบด้วยกับชาวพุทธนั้นแหละครับ
    หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องยุบ ไม่ต้องเบ็งท้องให้ป่องนะครับ
    ถ้าเราลองเอามือมาจับที่ท้องเวลาหายใจเข้าลึกๆ เราจะรู้สึกว่ามันป่องออกมาเอง
    แล้ววิธีขยายปอดแบบนี้แน่นอนครับไม่อันตราย

    ปล.ไม่อยากใครต้องมาเลิกเล่นกีฬาที่ชอบตามบทความกระทู้นี้

  • Unknown says:
    23/6/57 01:18

    กระทู้หนึ่งเสือเทอร์โบนี่บอกว่า
    ผมก็เคยทำแล้วหน้ามืดเวียนๆกับบทความแบบนี้
    คุณลองคิดดูถ้าการปั่นจักรยานหายใจปกติตามธรรมชาติปั่นได้ไกลกว่า
    แล้วการหายใจแบบนี้มันจะเพิ่มความอึดได้อย่างไร
    คือปั่นแค่นี้เวียน แล้วมาทำแบบนี้ในวันแข่ง จะไม่แย่หรอครับ

    มันเป็นการทดลองที่ผิดแล้วยังเอามาเขียน

แสดงความคิดเห็น

บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง