ss
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bike Tool แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bike Tool แสดงบทความทั้งหมด

9 ก.ย. 2554

สูบลมแบบพกพา

|0 ความคิดเห็น
การปั่นจักรยานออกไปในที่ต่าง ๆ ต้องมีการเตรียมพร้อมไปจากบ้านไม่ควรไปหวังอะไรเอาข้างหน้า ไม่ว่าจะไปคนเดียวหรือไปเป็นกลุ่ม ไปแล้วต้องไปให้ถึง ถึงแล้วก็ต้องกลับให้ได้ การปั่นเที่ยว ออกกำลังจะใกล้-ไกลแค่ไหนก็ตาม หรือแม้กระทั่งแข่งขันสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้เป็นเรื่องปกติคือ ยางแตก ยางรั่ว เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ถึงจะระวัง ป้องกันอย่างไรแต่ก็ไม่ได้ผล 100% ต้องมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดกันบ้าง ดังนั้น เราจึงขอเสนอเกี่ยวกับเครื่องมือที่ควรจะมีไว้ประจำกายสำหรับนักปั่น นั่นก็คือสูบลมแบบพกพา” นั่นเอง


สูบลมแบบพกพามีอยู่หลายยี่ห้อหลายขนาดให้เลือกใช้ตามแต่ความชอบ จะเอาไปติดไว้กับจักรยานหรือพกติดตัวก็ได้ตามแต่ถนัด สูบที่มีขนาดเล็ก  ช่วงชักสั้น น้ำหนักเบาจะพกพาง่ายสามารถเอาใส่กระเป๋าเสื้อได้ แต่ข้อเสียก็คือห้องลมอัดลมได้ปริมาณน้อย ลมเต็มยาได้ช้ากว่าสูบที่มีขนาดใหญ่กว่า ต้องใช้เวลาสูบกันนานหน่อย สูบที่มีขนาดใหญ่ห้องลมสามารถอัดลมได้ปริมาณมากลมเต็มยางเร็ว นอกจากเรื่องเต็มช้าหรือเต็มเร็ว ยังมีอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วยนั่นคือ เรื่องของแรงดันที่สูบสามารถอัดได้ กับล้อของจักรยานที่มีหน้ายางกว้างแก้มยางสูงอย่างเช่น เสือภูเขา คงไม่เท่าไหร่เพราะถึงยางจะใหญ่ต้องใช้ปริมาณลมเยอะก็จริงแต่แรงดันไม่สูง ส่วนจักรยานที่มีหน้ายางแคบแก้มยางต่ำอย่างเช่น เสือหมอบ นั้นยางมีขนาดเล็กใช้ปริมาณลมไม่เยอะ แต่ต้องมีแรงดันสูง การเลือกสูบจึงต้องคำนึงถึงการนำไปใช้งานด้วยว่าใช้กับยางอะไร สามารถอัดแรงดันได้ตรงกับความต้องการของยางที่ใช้หรือไม่ ถึงแม้การเติมด้วยสูบแบบพกพาจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ตาม ถ้าระยะทางเหลืออีกไม่ไกลจะถึงที่หมายก็คงไม่มีผลกับการขี่สักเท่าไหร่ แต่ถ้าระยะทางยังเหลืออีกเยอะ ยางที่ไม่แข็งพอก็บั่นทอนกำลังเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะรถทางเรียบ


ถึงแม้สูบทุกตัวจะสามารถเติมลมเข้ายางได้เหมือนกัน แต่ก็อัดให้แข็งได้ไม่เท่ากัน การเลือกสูบต้องดูข้อมูลด้วยว่าสามารถอัดแรงดันสูงสุดได้เท่าไหร่ สูบพกพาส่วนใหญ่จะเป็นช่วงชักเดี่ยว แต่ยังมีบางรุ่นที่มี 2 ช่วงชักซึ่งมีข้อดีคือด้วยขนาดที่เท่ากัน สูบแบบ 2 ช่วงชักจะอัดลมได้ปริมาณมากกว่า สูบที่มีกระบอกเล็กจะอัดแรงดันได้สูงและถ้ายิ่งยาวก็จะอัดได้เร็วขึ้นด้วยซึ่งเหมาะกับยางที่ต้องใช้แรงดันสูง นอกจากสูบพกพาแล้วยังมีก๊าช CO2 ซึ่งเป็นหลอดโลหะที่มีขนาดเล็กพกพาง่ายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เหมาะกับเสือภูเขาเพราะอัดแรงดันได้ไม่สูง ทั้งยังมีราคาที่ค่อนข้างแพง


ไม่ว่าจะเป็นสูบแบบไหนก็ขอให้มีติดไว้เป็นดีที่สุด แต่อย่าลืมชุดปะหรือยางอะไหล่สำรองติดตัวไปด้วยนะครับ เพราะสูบอุดรูรั่วไม่ได้นะจ๊ะ...

30 มิ.ย. 2554

เครื่องมือตัดแฮนด์ ซางช็อค

|0 ความคิดเห็น
เครื่องมือตัดแฮนด์ ซางช็อค

ซางเป็นชิ้นส่วนที่ติดกับช็อค เป็นแท่งยาว ๆ เมื่อเรานำช็อคมาประกอบกับรถก็จะมีส่วนของซางที่ยื่นออกมา ในส่วนที่ยื่นออกมานั้นเราสามารถปรับได้ตามความถนัดของแต่ละบุคคล จะให้สั้นลงหรือยาวขึ้นตามแต่ถนัด แต่ถ้าจะตัดออกเลยมันก็ไม่ได้นะครับ เพราะในสรียะของบางคนหากตัดไปเลยและเกิดสั้นไปก็จะทำให้ก้มมากไป เกิดอาการเมื่อยหรือปวดบริเวณไหล่ได้ เพราะฉะนั้นเราควรที่จะเซ็ตให้เหมาะสมกับร่างการและสรีระแล้วจึงตัดออก เพราะถ้าหากตัดสั้นเกิดไปซางที่ได้มาก็จะต่อไม่ได้ ทำให้ช็อคที่ได้มามีขนาดที่สั้นไป ในส่วนของตัววัสดุของซางนั้นก็จะมีอยู่หลัก ๆ อยู่ 3 แบบ คือ Alumium, Stell, Carbon วิธีตัดนั้นก็ง่าย ๆ ครับโดยเมื่อเราได้ขนาดที่จะตัดแล้ว ก็เอาปากกามาขีดบริเวณที่จะตัดออกและเอาซางนั้นใส่กับตัวจับซางซึ่งมีขนาดต่าง ๆ ตามขนาดของผู้ใช้ซางนั้นและก็ทำการตัดครับ

เครื่องมือที่ตัดก็จะมีอยู่หลายชนิดแล้วแต่ขนาดของซางและวัสดุของซาง เพราะในส่วนของเหล็กและอะลูมิเนียม หากเราไม่มีเครื่องมือเฉพาะตัดก็สามารถใช้เครื่องมือตัดท่อแอร์ก็ได้ แล้วใช้ตะไบแต่งที่บริเวณปลายขอบซางเพื่อลบคม แต่ถ้าเป็นแบบคาร์บอนเราจะใช้เลื่อยไฮสปีด เพราะถ้าใช้เครื่องมือแบบตัดอะลูมิเนียมก็จะทำให้ส่วนของบริเวณที่จะตัดนั้นแตกหรือร้าวได้ เช่นเดียวกับแฮนด์หากแฮนด์มีความยากเกินไปมือก็จะกางออกเป็นมุมมากไป อาจทำให้เมื่อยและไม่ถนัดและในตอนที่เลี้ยวต้องโยกแฮนด์เป็นเส้นโค้งที่ยาวกว่าถึงจะได้อาศาเลี้ยวที่เท่ากัน และจะทำให้รู้สึกไม่คล่องแคล่ว ตรงกันข้ามถ้าแฮนด์สั้น เมื่อเวลาเลี้ยวเพียงนิดเดียวก็เข้าโค้งแล้ว แต่ถ้าสั้นไปอาจจะทำให้หายใจไม่สะดวก หน้ารถควบคุมยากได้เช่นกัน เพราะจับแฮนด์ที่แคบไป เราจึงควรตัดให้พอดีกับสรีระและความเหมาะสมกับร่างกายนะครับ ไม่สั้นจนเกินไปและไม่ยาวจนเกินไป

29 พ.ค. 2554

สูบช็อค (SHOCK PUMP)

|0 ความคิดเห็น
สูบช็อค (SHOCK PUMP)

เมื่อพูดถึงรถจักรยานเสือภูเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่เราจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เลยนั้นก็คือ ช็อค ไม่ว่าจะหน้าหรือหลัง ช็อคจะทำหน้าที่คอยซับแรงกระแทกจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่ส่งมาถึงตัวรถ ทำให้การเด้ง ขึ้น ลง ของตัวรถลดน้อยลง ช็อคสมัยนี้จะมีอยู่ด้วยกันหลายระบบ ทั้งช็อคน้ำมัน ช็อคลมและช็อคสปริง แต่ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดคงหนีไม่พ้น ช็อคระบบลม เราจึงอยากให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักกับอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเติมลมช็อค  

สูบช็อค (Shock Pump) หน้าที่อขงสูบช็อคนี้ก็คือสำหรับเติมหรือปรับลมช็อคนั่นเอง ซึ่งจัดเป็นเครื่องมือแบบเฉพาะทาง ต้องขอบอกก่อนว่า สูบช็อคนี้ถึงจะมีหน้าตาและขนาดคล้ายกับสูบแบบพกพา แต่คงเอาไปสูบยางไม่ไหว เนื่องจากมีห้องลมขนาดเล็กกว่า จะเติมลมยางเต็มคงต้องใช้เวลาเป็นวัน สูบช็อคจะให้แรงดันลมที่สูงแต่ปริมาณลมจะน้อย ช็อคระบบลมจะมีห้องเก็บลมที่มีขนาดเล็ก แต่รับแรงดันได้สูง บางท่านอาจคิดว่าสูบอะไรก็น่าจะสูบเข้าเหมือนกัน ถ้าว่ากันตามจริงก็สูบเข้าครับ ถ้าสามารถแหย่หัวสูบเข้าวาล์วที่ช็อคได้ แต่ถ้าจะให้ช็อคทำงานได้สมบูรณ์ก็ต้องได้แรงดันตามที่กำหนดด้วย สูบช็อคจึงมีหัวสำหรับต่อกับวาวล์ที่ช็อค มีเกจ์วัดแรงดันลมแสดงเป็น Bar และ Psi เพื่อวัดแรงดันลมที่อัดเข้าไปในช็อค มีปุ่มปล่อยลมเมื่อเวลาเราอัดลมเข้าไปเกิน 

วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ ครับ โดยนำหัวของสูบช็อคต่อเข้ากับบริเวณวาล์วเติมลมช็อค แล้วหมุนที่หัวที่เติมลมช็อคจนต่อเข้ากันสนิทแล้วเริ่มอัดลมเข้าไป ช็อคแต่ละยี่ห้อจะใช้ลมเท่าไหร่ให้ดูที่คู่มือ หรือบางยี่ห้อมีตารางติดอยู่ที่ตัวช็อค จะมีตารางบอกอยู่ว่าน้ำหนักตัวเท่านี้ต้องเติมลมเท่าไหร่ ซึ่งจะระบุเป็นน้ำหนักของตัวผู้ขับขี่กับแรงดันลมที่ต้องใช้ หัวสูบของช็อคก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือแบบเกลียวนอกและแบบเกลียวใน (อันนี้เป็นอุปกรณ์เสริม เดี๋ยวนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว) ขึ้นอยู่ว่าช็อคของคุณเป็นแบบไหน แล้วเลือกให้เหมาะสมครับ

เป็นอย่างไรกับบ้างครับกับ Shock Pump สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดจะซื้อรถจักรยานเสือภูเขาสักคัน หากซื้อที่เป็นช็อคลมมาก็อย่าลืมซื้อสูบช็อคเก็บไว้สักอันนะครับ เพราะสูบช็อคก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่น ๆ ของจักรยานเหมือนกัน ถ้าเราจอดหรือใช้ไประยะหนึ่งลมจะมีการซึมออกมาบ้างเป็นธรรมดา ก่อนออกไปปั่นก็เช็คกันหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร หากแรงดันมีมากเกินไปจะทำให้กระด้าง แต่หากแรงดันน้อยเกินไปก็จะยวบนิ่มกินแรง ทางที่ดีผู้ขี่ควรจะสูบลมให้เหมาะสมกับที่ทางบริษัทผู้ผลิตกำหนดมาให้ เพื่อที่จะได้สนุกกับการปั่นอย่างเต็มที่ครับ..

บทความที่เกี่ยวข้อง:
> ประแจ Torgue
อุปกรณ์ถอดเฟืองหลัง
> ประแจหกเหลี่ยมหรือประแจแอล (Hexagon Wrench)


30 เม.ย. 2554

ประแจ Torgue

|0 ความคิดเห็น
ประแจ Torgue

คุณเคยสังเกตไหมว่าเมื่อเราหยิบสเต็มขึ้นมาจะมีตัวเลขมากมาย เลขในนั้นทุกตัวเลขล้วนมีความหมายอยู่ในนั้น เช่นบอกความยาว องศา  มุมยก และแรงที่ขันเกลียวแต่จะรู้ได้ยังไงว่าได้ขันด้วยความแรงเท่าไหร่แล้ว เราจะไปรู้จักกับประแจ Torgue หรือประแจวัดแรงบิด ที่เราเรียกกันว่าประแจปอนด์ เป็นด้ามประแจกระบอกที่ออกแบบมาเพื่อวัดแรงบิดในการขันสลักเกลียว แป้นเกลียวและสกรูหัวเหลี่ยมชนิดต่าง ๆ ประแจวัดแรงบิดจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะทำให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นติดตั้งอย่างถาวรที่สุดด้วยแรงบิดที่เรากำหนดไว้ในขณะที่สลักเกลียวหรือแป้นเกลียวก็รับแรงกด-แรงดึงได้เต็มที่ โดยไม่เป็นอันตราต่อตัวเกลียวเองอย่างเช่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของจักรยาน หากขันสลักแรงมากเกินไปก็จะทำให้เกรียวเกิดความเสียหายได้ ยิ่งในชิ้นส่วนที่เป็นคาร์บอนที่จะมีความแข็งเป็นพิเศษไม่สามารถทนแรงกดที่เยอะ ๆ ได้อาจจะทำให้ชิ้นส่วนนั้นเสียหายได้ แต่หากว่าขันสลักตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดให้มา ชิ้นส่วนก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่

ขนาดและรูปร่างของประแจ วัดแรงบิดมีหลายแบบ บางแบบจะใช้เข็มชี้หรือเข็มบนหน้าปัดแสดงค่าของแรงบิดโดยตรง แต่บางแบบจะต้องตั้งแรงบิดตามที่ต้องการก่อนเมื่อออกแรกการะทำต่อเกลียวถึงขีดที่กำหนด จะมีสัญญาณเสียงหรืออื่น ๆ แสดงออกมาว่าถึงขีดที่ต้องการแล้ว หัวขับประแจกระบอกของประแจวัดแรงบิดจะเป็นหัวขับชนิดสี่เหลี่ยมจัตุรัส สำหรับติดกับตัวประแจกระบอกทั่วไป เนื่องจากประแจปอนด์เป็นเครื่องมือที่ต้องวัดแรงบิดที่กระทำต่อเกลียว ดังนั้นเกลียวของสลักเกลียวและแป้นเกลียวจะต้องสะอาด และไม่มีสิงแทรกซ้อนอื่นที่จะทำให้การวัดแรงบิดผิดปกติ เช่น การสั่นไหว เกลียวเป็นสนิม เกลียวตาย เกลียวเยิน ซึ่งเป็นผลให้ต้องใช้แรงเกินกว่าที่กำหนดซึ่งอาจทำให้เกลียวชำรุดได้

 ปัจจุบันความก้าวหน้าในวิชาโลหะวิทยาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การพัฒนาการผลิตสลักเกลียวและแป้นเกลียวอย่างมากมาย ดังนั้นการทำงานในปัจจุบันจึงจำเป็นต้องใช้ประแจวัดแรงบิดมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแรงที่ใช้ในการขันเกลียว บริษัทผู้ผลิตเครื่องมือ/เครื่องกล จะเป็นผู้กำหนดมาว่า เกลียวตัวใดหรือขนาดใดต้องใช้แรงบิดในการขันเท่าใด เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานจะต้องสังเกตว่า สลักเกลียวขนาดใดควรจะใช้แรงบิดต่ำที่สุดเท่าใด และแรงบิดสูงสุดเท่าใด เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับเกลียวตัวอื่น ๆ ให้เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานจะต้องศึกษาตารางกำหนดแรงขันเกลียว ซึ่งบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลได้กำหนดไว้เสมอ ๆ เพื่อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ประแจวัดแรงบิดนี้ประกอบการทำงานให้ได้ผลสูงสุด

บทความที่เกี่ยวข้อง:


> อุปกรณ์ถอดเฟืองหลัง
ประแจหกเหลี่ยมหรือประแจแอล (Hexagon Wrench)
> สูบช็อค (SHOCK PUMP)

19 ก.ย. 2553

Bike Tool : อุปกรณ์ถอดเฟืองหลัง

|0 ความคิดเห็น
          เฟืองหลังเป็นส่วนประกอบของจักรยานที่มีการสึกหรอมาก รองมาจากผ้าเบรก ยางนอก เมื่อใช้ไปสักระยะหนึ่งก็จะเกิดการสึกหรอขึ้น และถ้ายังฝืนขี่ต่อไปอาการที่จะตามมาก็คือ เฟืองหลังรูดอาจเกิดอันตรายได้ถ้าหากขณะขึ้นยืนโยกแล้วโซ่เกิดอาการฟรี หรือ เราอยากจะถอดเฟืองเปลี่ยนไปใช้เฟืองที่เหมาะสมกับสภาพการขี่ของเรา แล้วเราจะทำอย่างไรดี วันนี้เราจะมาแนะนำอุปกรณ์ที่ใช้ถอดเฟืองหลังของจักรยานกันครับ เพื่อที่จะช่วยให้ท่านถอดเฟืองหลังได้สะดวกและปลอดภัย 

          เฟืองจักรยานมีด้วยกันสองแบบคือแบบเกลียวและแบบสวม ปัจจุบันแบบสวมได้รับความนิยมมากกว่า อุปกรณ์ที่ใช้ถอดเฟืองจะใช้อุปกรณ์สองชนิดด้วยกันได้แก่


- บล็อกถอดฝาล็อคเฟือง

- ประแจโซ่


          1. บล็อกถอดฝาล็อกจะมีลักษณะด้านหนึ่งเป็นหัวนัท อีกด้านหนึ่งจะเป็นร่องด้านนอก ตรงกลางจะกลวงและบางยี่ห้อจะมีแกนเหล็กเป็นเดือยโผล่ออกมา ซึ่งจะช่วยให้ตัวล็อกไม่หลุดออกมาเวลาทำการขันคลายฝาปิดเกลียว ส่วนด้านที่เป็นหัวนัทนั้นบางยี่ห้อจะมีรูสี่เหลี่ยมตรงกลาง ให้สามารถใช้กับประแจวัดแรงหรือประแจทอร์กได้
          2. ประแจโซ่จะมีลักษณะเป็นด้ามเหล็กแบนยาวประมาณ 1 ฟุต มีปลายด้านหนึ่งติดโซ่เอาไว้ จะมีความยาวของโซ่ต่างกันคือมีขนาดยาวและขนาดสั้น โซ่ตัวยาวจะทำหน้าที่ยึดกับฟันเฟืองไม่ให้เคลื่อนที่ ส่วนตัวสั้นจะทำหน้าที่กดยึดด้ามจับไม่ให้สะบัดไปเมื่อออกแรงกด ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ และอีกด้านจะมียางหุ้มเป็นด้ามจับกันเจ็บมือ และยังจะมีอีกชุดคือประแจสำหรับถอดฝาครอบเฟืองแบบเกลียวด้วย แต่ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมเพราะถอดค่อนข้างยาก

          ส่วนวิธีการใช้งานก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใดครับ เพียงท่านถอดล้อจักรยานแล้วเอาแกนปลดออก ขั้นตอนต่อไปก็ให้นำเจ้าบล็อกถอด เสียบเข้าไปตรงกลางดุมล้อ จากนั้นก็ให้ใช้ประแจโซ่จับยึดเฟืองเอาไว้ ใช้ประแจเลื่อนขันนัทออก ตำแหน่งการวางให้เป็นลักษณะตัว V แล้วออกแรงกดไปคนละทาง ฝาล็อกก็จะคลายออกอย่างง่ายดาย 

          ปัจจุบันอุปกรณ์การซ่อมบำรุงเหล่านี้สามารถหาซื้อได้งานและราคาไม่แพง มีทั้งแบบแยกและแบบเป็นชุด ลองหามาไว้ใช้ดูกได้ครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง:


> ประแจ Torgue
ประแจหกเหลี่ยมหรือประแจแอล (Hexagon Wrench)

> สูบช็อค (SHOCK PUMP)

บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง