ss
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มุมดาวน์ฮิลล์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มุมดาวน์ฮิลล์ แสดงบทความทั้งหมด

13 ต.ค. 2554

Pre-Jump โดดก่อนได้เปรียบ

|0 ความคิดเห็น
ถ้าคุณต้องการที่จะรักษาความเร็วเมื่อคุณต้องโดดเนิน ไม่ว่าจะลูกเล็กลูกใหญ่เพื่อไปต่อให้ถึงเส้นชัยก่อนใคร คุณจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ศิลปะการกระโดดที่เรียกว่า Pre-Jump

ย้อนกลับไปที่ยุคต้นปี 90 ผู้ชมรักที่จะยืนดูรอบ ๆ ตรงเนินดินที่สูงชันในการแข่ง Downhill ในตอนนั้นยังไม่มีการกระโดดข้ามเนินใหญ่ ๆ หรือการ Drop จากที่สูง ๆ ที่จบลงด้วยการกระแทกลงพื้นอย่างแรง มีแต่เพียงการขี่ชนกองหินหรือเนินดินเล็ก ๆ ที่ไม่สูงนักด้วยความเร็วที่เกือบจะการันตีความปลอดภัย ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการขี่ในเส้นทางที่มีเนิน ในงาน Italian World Cup DH Course ปี 1993 มีนักแข่งมืออาชีพหลายคนที่ทำการโดยเนินที่มีตัวรับลึกลงไปเหมือนเป็นการ Drop พวกเค้าลอยอยู่ในอากาศแล้วไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หลังจากนั้นก็จะกระแทกตัวลงสู่พื้นดินอย่างแรงจนเสียการทรงตัว และความเร็วลดลง

สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นจนกระทั่ง John Tomac มาทำการกระโดดแบบ Bunny Hopped ลงเนินที่มีความสูง 12 ฟุตก่อนดรอปลงเสียบตัวรับในจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบ เขานำรถแตะพื้นของตัวรับหลังจากนั้น เขาจะขี่ด้วยความเร็วคงที่และนำพาตัวเองสู่ที่หนึ่ง โดยที่ไม่มีใครที่จะทำเวลาเข้าใกล้เค้าได้ด้วย นี่เป็นเทคนิคที่เรียกว่า การกระโดด Pre-Jumping

มันอาจจะมีการกระโดดในเส้นทางที่คุณขี่ประจำ จนคุณรู้ว่าคุณสามารถจะเคลียร์เส้นทางนั้นได้ แต่การทำเช่นนั้นบ่อย ๆครั้งมันอาจทำให้เสียความสนุกไป แม้ว่ามันอาจจะเป็นเพียงเนินดินที่ไม่ใหญ่ แต่มีความลาดชันลึกลงไป แล้วก็ต้องใช้ความเร็วในการกระโดด ซึ่งอาจทำให้คุณตกลงเลยตัวรับไปกระแทกพื้นข้างล่างได้ ทักษะการกระโดด Pre-Jump ก็เหมือนกับคุณทำ Bunny Hop กระโดดขึ้นไปก่อนที่จะถึงยอดเนินส่ง มันจะทำให้คุณรักษาความเร็วได้โดยไม่เสียการควบคุม และช่วยคุณเคลียร์การกระโดดลงตัวรับอย่างราบรื่น ต่อจากนี้คือวิธีการของการกระโดด Pre-Jump

1.ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
การกระโดดแบบ Pre-Jump ต้องมีพื้นฐานของการกระโดดแบบ Bunny Hop ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงท่าไปใช้ในการโดด ดังนั้นคุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะต้องลอยตัวขึ้นไปสูงเท่าไหร่ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้ในลาดจอดรถที่โล่ง ๆ เลือกเส้นจราจรบนพื้นลานจอดรถเพื่อกำหนดเป็นตำแหน่งที่คุณใช้เป็นแนวการกระโดด พยายามเคลียร์การกระโดดให้ได้ในแต่ละครั้ง เพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อสังเกตจุดที่ลงพื้นที่ และทำการฝึกกระโดดแบบ Bunny Hop เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนคุ้นชิน

2.ฝึกฝนในทุก  ๆ ที่
คุณสามารถฝึกกระโดยแบบ Pre-Jump ได้ในทุก ๆ ที่ แค่เพียงการฝึกฝนก็สามารถทำให้คุณขี่ในทางลาดชัน หรือบนเนินดินได้ดี แม้กระทั่งบนทางเท้าบริเวณถนนไม่มีรถวิ่ง คุณก็สามารถใช้เป็นที่ฝึกฝนได้ ถ้าคุณโชคดีพอมีทาง BMX หรือลานสเก็ตที่โรงเรียนใกล้ ๆ บ้าน สถานที่เหล่านี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการฝึกฝน

3.ขั้นตอนแรก
หลังจากที่ใช้เทคนิคการฝึกฝนในลานจอดรถ ก็ควรที่จะหาเนินเล็ก ๆ เพื่อที่จะใช้ในการฝึกฝนต่อไป ก่อนอื่นกระโดยขึ้นไปในแนวราบปกติและบันทึกไว้ว่าคุณเสียความเร็วไปเท่าไหร่เมื่อรถลงแตะพื้น ต่อจากนั้นคุณลองใช้เทคนิค Bunny Hop และใช้ทักษะการตัดสินใจเรื่องระยะทางของคุณด้วย เมื่อคุณพร้อมให้ขี่ขึ้นไปบนเนินช้า ๆ หลังจากนั้นให้กระโดดลงสู่ตัวรับด้านล่าง คุณจะสังเกตเห็นว่าคุณไม่เสียความเร็วลงเลย หลังจากนี้ให้เพิ่มความเร็วขึ้น และกระโดดเร็วขึ้นเหมือนที่คุณทำในลานจอดรถ ทำต่อไปเรื่อย ๆจนกระทั่งคุณทำได้เท่าที่คุณกล้าที่จะทำ หรือจนกระทั่งคุณมีความมั่นใจกับการกระโดดแบบ Pre-Jump อย่างเต็มที่

4.คิดในแง่บวก
คิดในทางบวกและขี่อย่างขะมักเขม้น ถึงแม้ว่าการกระโดดแบบ Pre-Jump จะเป็นเทคนิคการกระโดดขั้นสูง แต่มันง่ายที่จะเรียนรู้ เพียงจำไว้ว่า การฝึกฝนจะทำให้การกระโดดสมบูรณ์แบบ เมื่อคุณมีเทคนิคที่ถูกต้อง และมีความเร็วในการขี่ดี คุณสามารถทำการกระโดดแบบ Pre-Jump ได้ในระยะทางที่บ้าระห่ำ

5.พัฒนาทักษะของคุณ
Bunny Hop ไม่ใช่เทคนิคเดียวของการกระโดดแบบ Pre-Jump มันยังมีเทคนิคอื่น ๆ อีกที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อคุณมีความมั่นใจกับการโดด เมื่อคุณขี่ขึ้นไปบนเนิน และดึงล้อหน้าให้พ้นพื้นดินเบา ๆ แล้วก็ดึงล้อหลังขึ้นด้วยการถ่ายน้ำหนักตัวของคุณ วิธีที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้เทคนิคนี้คือการขี่บนทางของ BMX ลองหาเนินแบบ Single Jump ที่จะใช้เริ่มในการฝึก จำไว้เสมอว่าให้ดึงล้อหน้าก่อนที่จะถึงยอดเนิน

สิ่งที่ไม่ควรกระทำในการ Pre-Jump การกระโดดสูงเกินไป
ไม่ว่าคุณทำอะไร ต้องมั่นใจว่าคุณทำ Bunny Hop ที่ไม่สูงจนเกินไปจนเกิดความเสี่ยงในการลงสู่พ้น ถ้ามันเป็นเนินที่ใหญ่ คุณอาจจะเจอปัญหามากมาย ให้จำไว้ว่าใหญ่กว่าไม่ได้ดีเสมอไป

ประมาณการผิดพลาด
ตรวจสอบให้แน่ใจว่คุณประมาณการระยะทางได้อย่างถูกต้อง ถ้าประมาณผิดพลาด ล้อหน้าเกิดการสะดุดมันอาจส่งผลให้ตัวคุณเองลอยข้ามแฮนด์จับม้วนหน้าลงสู่พื้นได้

ความเร็วที่มากเกินไป
คุณสามารถเพิ่มความเร็วได้จากการทำ Pre-Jumping แต่ต้องมั่นใจว่าไม่เพิ่มความเร็วจนมากเกินไปให้คำนึงถึงเส้นทางปัญหา กับอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้าต่อไปด้วย ถ้าเส้นทางด้านหลังโล่งคุณสามารถเพิ่มความเร็วได้

23 มิ.ย. 2554

7 สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจากการขี่จักรยานดาวน์ฮิลล์

|0 ความคิดเห็น
7 สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจากการขี่จักรยานดาวน์ฮิลล์


     1.ไม่คุ้นชินกับสภาพสนาม หรือเกิดอาการตื่นสนาม
การสำรวจเส้นทางด้วยการเดินเท้า ก่อนการใช้รถจักรยานขับขี่ลงมาเป็นหลักปฏิบัติสากล ในสนามการแข่งขันระดับโลก เพราะกีฬานี้เป็นกีฬาที่ต้องพารถจักรยานวิ่งข้ามผ่านอุปสรรคที่เป็นธรรมชาติในแนวดิ่ง หากคุณไม่รู้ล่วงหน้าว่าข้างหน้าจะมีอะไรแล้วละก็ โอกาสเกิดอุบัติเหตุนั้นมีสูงมาก หลายคนอาจจะคิดว่าก็แค่ขี่ไหล ๆ ดูทางช้า ๆ แต่ในบางพื้นที่ของสนามอาจจะชันมากจนไม่สามารถชะลอความเร็วได้ หรือบางพื้นที่อาจจะมีดร็อปที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อคร่อมอยู่บนตัวรถจักรยาน สิ่งเหล่านี้พร้อมจะดึงคุณกับรถจักรยานของคุณให้นอนหมอบอยู่กับพื้นโดยที่คุณแทบจะไม่รู้ตัว การเดินดูเส้นทางด้วยเท้าและมองหาทางวิ่ง หรือไลน์ที่เหมาะสมจึงเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ที่ว่าจะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้มาก ทั้งยังช่วยประเมินทักษะของตนเองกับสนามด้วยว่าเราเองควรจะขี่บนเส้นทางนี้ด้วยวิธีการแบบไหน หรือไม่ขี่จะดีกว่า แต่หากเป็นเส้นที่ที่ไม่สามารถเดินดูก่อนได้ ยกตัวอย่างเชน ทางที่ไม่ใช่สนามแข่งขัน แต่เป็นเส้นทางลงเขายาว ๆ หลายสิบกิโลเมตร เช่น เส้นดอยปุย ขุนช่างเคี่ยน ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีคนที่รู้ทาง หรือผู้ที่เคยขี่ลงเส้นทางมาก่อนเป็นผู้ขี่นำทางให้ และผู้นำทางก็ควรจะต้องหยุดรถจักรยานก่อนถึงอุปสรรคยาก ๆ เพื่อบอกกับผู้ที่ตามมาถึงอุปสรรคเหล่านั้น รวมทั้งวิธีการขี่ข้ามผ่านมันด้วย

2.  ขาดการฝึกฝนทักษะ
การขี่จักรยานดาวน์ฮิลล์ในลักษณะนี้การฝึกซ้อมรูปแบบการขับขี่ในแบบต่าง ๆ นั้นสำคัญมาก อย่างที่ทราบกันดีว่าจากจุดเริ่มต้น จนถึงจุดสิ้นสุดของสนามย่อมมีอุปสรรคในแบบต่าง ๆ รอคุณอยู่ไม่ว่าจะเป็นทางดร็อปหน้าตัด เนินโดดแบบต่าง ๆ องศาการเลี้ยวแบบต่าง ๆ ทางชั้น ดงหิน และอีกสารพัดอย่าง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งเหล่านี้ สนามซ้อมในบ้านเรามีความหลากหลายให้เลือกไปฝึกซ้อม แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือนอกจากจะมีสนามให้ซ้อมแล้ว ก็มีผู้ฝึกสอน หรือคนที่มีทักษะประสบการณ์การขี่ที่ได้ในระดับหนึ่งมาคอยชี้แนะให้ ไม่ต้องไปจ้างใครที่ไหนหรอกก็เพื่อน ๆ เรานี้แหละขี่ด้วยกันซ้อมด้วยกันก็แบ่งปันกันไป บางคนอาจจะคิดว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คน ๆ นั้น บอกมันถูก ผิด หรืออาจถูก แต่ถูกแค่ครึ่งเดียว เรื่องนี้ไม่ยากครับ ก็ให้เขาให้ขี่ให้ดูก่อน ถ้าเขาทำได้และสามารถแนะนำเราได้เราก็ทำตาม หรือถ้าอยากเรียนรู้จากมืออาชีพระดับโลกจริง ๆ ก็ไม่อยาก ลองไปหาซื้อ DVD ที่มีชื่อว่า Fundamentals ของค่าย Dirt Magazine มาศึกษาดู ในนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างที่นักจักรยานดาวน์ฮิลล์ต้องรู้ ของย้ำว่าทุกอย่างจริง ๆ บางครั้งการขาดการซ้อม หรือมีเหตุให้ต้องหยุดขี่ไปนาน ๆ ก็เอาออกมาดูบ้างเพื่อทบทวน 

     3. สภาพร่างกายไม่พร้อม
สภาพร่างกาย ระบบประสาททุกส่วนของร่างกายต้องพร้อมทุกครั้งก่อนขึ้นคร่อมรถ ผมเคยมีประสบการณ์ตรงกับตัวเองเมื่อครั้งเดินทางไปซ้อมที่สนามเกาะล้านพัทยา สนามนี้ต้องนั่งเรือข้ามไป วันนั้นพอมีคลื่นลมนิดหน่อย พอถึงสนามก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไรหรอก คือใจและทักษะเรามีระดับหนึ่ง แต่ร่างกายและระบบประสาทมันยังรวน และไม่ตอบสนองตามที่ใจเราต้องการผลสุดท้ายคือ ไหปลาร้าหัก อดแข่ง หากสภาพร่างกายเราไม่พร้อม ก็ไม่ควรรีบร้อนลงขี่ เราอาจักสักนิดเพื่อปรับสภาพร่างกาย หรือขี่วอร์มบนทางปรกติไปเรื่อย ๆ ก่อน แล้วร่างกายจะบอกเราเองว่าตอนนี้พร้อมที่จะขี่แล้ว เพราะต่อให้เรารู้สึกปกติดีทุกอย่างแต่ร่างกายก็ต้องการวอร์ม เพื่อสร้างความพร้อมของกล้ามเนื้อเช่นกัน หากรู้สึกเบลอ ๆ เฉื่อย ๆ งง ๆ ล่ะก็ แนะนำให้ดูเพื่อนขี่ดีกว่าครับ จะได้ไม่เจ็บตัว

4.  ผลักดันตัวเองมากเกินไป
ลักษณะนี้มักจะเจอมากกับกลุ่มคนที่มีทักษะประมาณหนึ่ง ซึ่งต้องการผลักดันให้ตัวเองขึ้นไปให้ถึงอีกระดับให้ได้ หรือต้องการจะเอาชนะคู่แข่งด้วยแรง มากกว่าการใช้ความคิด สิ่งเหล่านี้ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอุบัติเหตุได้ การใช้เวลาให้น้อยลงในเส้นทางต้องผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว มุ่งไปในทิศทางเดียวกันโดยที่มีจ้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น เค้นตัวเองมากก็ยิ่งพลาดมาก ต้องประมวลเส้นทางว่าตรงจุดนี้ควรขี่อย่างไรด้วยทักษะที่เรามี มันอาจจะดูนุ่มนวลไม่ตื่นเต้น แต่ในทางกลับกันมันก็เกิดข้อผิดพลาดน้อย ผิดน้อยก็ไม่ต้องแก้เยอะ แก้ไปแก้มาอาจพลาดล้มไปเลยก็เป็นได้ เก็บเล็กผสมน้อยแล้วเวลาจะมาเองครับ

5.   สภาพของรถจักรยานไม่สมบูรณ์
ขาดการบำรุงรักษา ตรวจเช็คจักรยาน อย่าลืมว่าแค่น๊อตตัวเดียวก็สามารถทำให้เราไปนอนเล่นอยู่ในโรงพยาบาลได้ อีกสิ่งที่สำคัญมากคือการปรับตั้งระบบต่าง ๆ ในตัวรถให้เหมาะสม และให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพราะรถจักรยานต้องรับภาระอันแสนหนักหน่วง ตลอดเส้นทางการขับขี่ แนะนำให้เปิดอ่านคู่มืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนตัวรถดูบ้าง จะช่วยให้เราเข้าใจถึงระบบการทำงาน รวมทั้งการบำรุงรักษา เพราะนอกจากจะลดการเกิดอุบัติเหตุแล้วยังช่วยยืดอายุการใช้งานของจักรยานได้อีกด้วย

6.  อุปกรณ์ป้องกันไม่เหมาะสม
ปัจจุบันผู้ผลิตอุปกรณ์ป้องกันส่วนต่าง ๆ ของร่างกายสำหรับกีฬาจักรยานดาวน์ฮิลล์มีมากมายหลายแบบ บ้างเน้นการสวมใส่ที่สบายไม่เทอะทะเยอะแยะ แต่มันอาจจะต้องแลกด้วยการป้องกันที่น้อยลง ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุเราไม่มีทางรู้แน่ว่ามันจะเกิดตรงส่วนไหนของร่ายกาย ทางที่ดีควรเลือกแบบที่รัดกุม ครอบคลุมในทุกสัดส่วนนั้นดีที่สุดครับ อาจจะร้อนนิดร้อนหน่อย แต่ไม่ต้องหยุดพักยาวจากอาการบาดเจ็บ ผมว่ามันคุ้มหรือบางท่านทำงานทำการกันแล้ว เกิดมีแผล มีสะเก็ดหมูแดงคงไม่น่าดูเท่าไรเมื่อต้องอยู่ในชุดทำงาน
     
     7. สนุกจนประมาท
ลักษณะนี้จะพบมากเมื่อยามที่ออกไปซ้อมขี่กันเล่น ๆ กับเพื่อนก๊วนใหญ่ ๆ ที่มีบรรยากาศการขี่ที่สนุกสนามเฮฮา รอบแรก ๆ ก็ไม่เท่าไหร่เพื่อมีแรงเราก็มีแรงก็สนุกกันได้ แต่หากเพื่อนยังมีแรงแต่แรงเราเริ่มถดถอยอันนี้เริ่มไม่ดี เราต้องคอยสักเกตุตัวเองว่าเมื่อไหร่รอบไหนที่เราขี่แล้วรู้สึกมันติด ๆ ขัด ๆ หลุดไลน์บ้าง เลี้ยวไม่เข้าบ้าง ทั้งที่มันเป็นเส้นทางเดิม ๆ ที่ขี่มาหลายรอบแล้ว นั่นเป็นสัญญาณว่าร่างการท่านเริ่มล้าแล้ว คือมันเริ่มไม่ตอบสนองตามความต้องการเสียแล้ว จงหยุดเถิด อย่าคิดว่าก็ยังไม่เป็นไรนี่หว่า อีกสักรอบคงไม่เป็นไร เชื่อเถอะครับเก็บร่างกายเอาไว้สนุกกับเพื่อน นาน ๆ ดีกว่า

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจากการขี่จักรยานดาวน์ฮิลล์ได้ แต่สิ่งซึ่งสำคัญที่สุดคือ การตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท มีสติ และรู้จักประมาณตน ขอให้ทุกท่านสนุกกับการปั่นจักรยานครับ ...

(ที่มา: นิตยสาร  Sport Street  บทความโดยคุณ Rudy 42)


บทความที่เกี่ยวข้อง:

16 พ.ค. 2554

จักรยานดาวน์ฮิลล์: เทคนิคการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อการเข้าร่วมแข่งขันดาวน์ฮิลล์ ตอนที่ 2

|0 ความคิดเห็น
จักรยานดาวน์ฮิลล์: เทคนิคการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อการเข้าร่วมแข่งขันดาวน์ฮิลล์ ตอนที่ 2


สวัสดีครับเพื่อน หลังจากในตอนที่ 1 นั้นเราได้นำเสนอแนวทาง และแนวคิดในการเริ่มต้นเรียนรู้การปั่นจักรยานดาวน์ฮิลล์ไปแล้ว และในตอนต่อไปนี้จะมาแนะนำถึงกระบวนการฝึกการรับรู้สร้างความชำนาญ ซึ่งจะแยกเป็นลำดับดังนี้

    1.จัดทำแผนที่สนามตั้งแต่ต้นจนจบอย่างย่อจดจำจุดที่สำคัญ ๆ ที่จะทำให้เวลาเร็วหรือเวลาช้า แล้ววางแผนการใช้กำลังและการปั่นจนสามารถที่จะมีภาพเส้นทางอยู่ในสมองก่อนจะมีการแข่งขันจริง ต้องฝึกที่จะอ่านภูมิประเทศ แต่ละแบบ และดูเส้นทางที่จะใช้ขี่จักรยานดาวน์ฮิลล์ และ ครอสคันทรี่ ตั้งแต่เส้นทางที่ดีที่สุดถึงแย่ที่สุด ลองขี่สัก 3 ไลน์ เพื่อเวลาแข่งจริงถ้าเกิดข้อผิดพลาดเราก็จะสามารถผ่านพ้นเส้นทางไปได้ด้วยความปลอดภัยและไม่เสียเวลามาก

    2.ฝึกมองไกลและใกล้สลับกันจนเป็นนิสัย แต่โดยปกติเราจะมองไกลไปข้างหน้าเสมอ

    3.ฝึกการควบคุมระบบประสาทการสั่งการในจุดเริ่มต้นปล่อยตัว ซึ่งจำเป็นมากสำหรับการแข่งขัน ถ้าเราออกตัวได้ดีอาจทำให้โค้งแรกของเราใช้เวลาน้อยลงไป 1-3 วินาที ต้องซ้อมออกตัวอย่างสม่ำเสมอให้ตำแหน่งขาจานอยู่ตำแหน่งที่ถูกการฝึกสภาพระบบร่างกาย
- การฝึกปั่นในเส้นทางที่หลากหลายรูปแบบ โดยใช้รถ Hard Trail หรือ Free Ried สลับกับรถจักรยานดาวน์ฮิลล์ จะดีที่สุดเพราะจะสามารถปั่นได้นานและได้พบเส้นทางที่หลากหลายอย่าซ้อมเส้นทางเดิม ๆ ให้ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดก่อนจะลง ดาวน์ฮิลล์
- ฝึกปั่นสนามดาวน์ฮิลล์ ที่มีระยะทางยาว ใช้เวลานาน ใช้ความอดทนสูง
- ฝึกปั่นสนามดาวน์ฮิลล์ ที่มีระยะทางสั้น ต้องมีการกระชากตื่นตัวอยู่เสมอ


4. การฝึกปั่นให้มีความลื่นไหลตื่นตัวและสนุก มีสมาธิ ขี่ให้ราบรื่นเสมอรักษาให้จักรยานอยู่บนพื้นมากที่สุด เพราะเป็นการแข่งขันทำเวลาไม่ใช่การแข่งขันกระโดดโชว์ท่า คุณจะสามารถทำความเร็วได้ตลอดเส้นทางแตกต่างจากการที่อยู่บนอากาศนาน ๆ อย่าล้ม ใช่แล้วครับคุณต้องฝึกความชำนาญให้มากพอ ไม่กลัว แต่ไม่ประมาท


5. การควบคุมรถเข้าโค้งการเลี้ยว
- เข้าโค้งที่มีความเร็วสูง ฝึกความเร็วต่ำ เส้นทางเลี้ยวที่คับแคบ ฝึกเรียนรู้ในการตัดโค้งเพื่อย่นระยะทาง ฝึกการตัดเนินหลังเต่าคือการไม่กระโดดสูง
- การออกจากโค้งให้เร็ว  คือการเรียนรู้ที่จะเข้าเร็วออกเร็ว

6. ฝึกการผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ
- การฝึกโดดหน้าตัดแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ต่ำ จึงถึงสูง โดดแล้วเหลือพื้นที่มาก เหลือพื้นที่น้อย หลังจากโดนลงมาแล้วเลี้ยวซ้ายขวาหรือตรงไป
- เรียนรู้การปรับแต่งรถจักรยานให้เข้ากับเส้นทางที่แข่งขัน
- ฝึกกระโดดรูปแบบต่าง  ๆ การกระโดดสูง ต่ำ การกระโดดไกล ใกล้หรือไม่กระโดด โดยใช้การ Bunny Hop ข้ามหรือแม้แต่การ Munual การเตรียมตัวก่อนกระโดด การรองรับแรงกระแทก การปั้มรถให้ลื่นไหลส่งต่อเพิ่มความเร็ว
- การปั่นเร่งขึ้นเนินสั้นและเนินยาว ซึ่งจะมีให้เห็นบ่อย ๆ ในรายการแข่งขันปัจจุบัน ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เราได้นักปั่น XC เป็นแชมป์ดาวน์ฮิลล์
- การปั่นในเส้นทางที่เปียกลื่น มีแอ่งน้ำ เป็นโคลน ฝนตก
- การปั่นในเส้นทางที่เป็นพื้นแข็งลื่น หิน หรือกรวดลอย
- หลักการดูแลโดยทั่วไปเรียนรู้หลักโภชนาการที่ร่างกายต้องการ ในการชดเชย การวางโปรแกรมในการฝึกซ้อมและการเล่น เวทเทรนนิ่ง
- การฝึกความคล่องตัวของกล้ามเนื้อ เรียนรู้ว่าตัวเองสามารถที่จะออกแรงปั่นได้ดีที่สุดในระยะขนาดใด 

จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวการฝึกซ้อมเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่เรายังทำได้ไม่ดีพอ เมื่อถึงเวลาที่เราไปแข่งขันเราจะพร้อมกับเส้นทางทุก ๆ เส้นทางและเราจะต้องทำการฝึกด้วยความสุข อย่างลืมใส่อุปกรณ์ป้องกันให้ครบ และควรฝึกซ้อมกับเพื่อนหรือผู้ดูแล กรณีเกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง เมื่อเราฝึกมากพอเราจะมีทักษะ เทคนิค และคุณจะสามารถขี่ได้โดยอัตโนมัติ จะทำให้คุณมีการขี่ที่ดีขึ้น ถ้าทำการฝึกฝนบ่อย ๆ รับประกันว่าคุณจะรู้สึกประหลาดใจในการขี่ของคุณ ในตอนต่อ ๆ ไป เราจะได้นำวิธีการขั้นตอนแต่ละหัวข้อมาอธิบายแบบเจาะลึกกันต่อไปครับ

[จักรยานดาวน์ฮิลล์]


ที่มา:นิตยสาร Race Bicycle  บทความโดยคุณ นิกร  เกื้อปัญญา  (อดีตนักกีฬาจักรยานดาวน์ฮิลล์ทีมชาติไทย)

จักรยานดาวน์ฮิลล์: เทคนิคการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อการเข้าร่วมแข่งขันดาวน์ฮิลล์ ตอนที่ 1

|0 ความคิดเห็น
จักรยานดาวน์ฮิลล์: เทคนิคการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อการเข้าร่วมแข่งขันดาวน์ฮิลล์ ตอนที่ 1


สวัสดีครับ เราจะมานำเสนอแนวทางการเตรียมตัวสำหรับนักปั่นที่กำลังสนใจจะเริ่มในการเล่นจักรยานดาวน์ฮิลล์ เพื่อความสนุกหรือต้องการที่พัฒนาเข้าสู่การแข่งขัน  การปั่นจักรยานดาวน์ฮิลล์จะมีความแตกต่างจากการปั่นจักรยานครอสคันทรี่ อยู่บ้างตรงที่ จักรยานดาวน์ฮิลล์ต้องแข่งขันกับตัวเองและเวลาที่ตัดสินแพ้ชนะกันด้วยเสี้ยววินาที ที่จะต้องมีความเร็วที่สูงกว่ามากทั้งในโค้งและทางลาดชันต่าง ๆ สภาพทางอุปสรรคที่ท้าทายหลากหลาย มีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเสมอเพื่อจะทำเวลาให้ดีที่สุด ผู้ที่มีสมาธิ มีความรวดเร็วความสนุกและมุ่งมั่นเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดจะได้มีโอกาสเป็นผู้ชนะ

ซึ่งในการแข่งขันนั้นความแตกต่างระหว่างผู้ที่ทำเวลาได้ดีที่สุดกับมือใหม่จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นั่นเกิดจากการฝึกฝนและประสบการณ์ การแข่งขันที่มากกว่าทั้งเรื่องการปรับแต่งรถแข่งขันการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระหว่างการแข่งขันนักแข่งจะต้องสามารถปั่นได้ทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แบบใดก็ตาม เราต้องสามารถที่จะผ่านพ้นไปให้ได้และเช่นเดียวกันในรายการแข่งขันระดับโลกจะต้องมีการทดสอบนักกีฬาในเรื่องนี้ด้วย นักกีฬาต้องสามารถทำการฝึกซ้อมในเส้นทางตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเส้นชัยจนครบได้ 2-3 เที่ยว กรรมการจึงจะยอมให้ร่วมการแข่งขันเพื่อความปลอดภัยของนักแข่งและผู้จัดการแข่งขันเอง ซึ่งกติกาอย่างนี้น่าจะนำมาใช้ในการแข่งขันในประเทศไทยเพื่อเป็นการรักษาป้องกันเยาวชนแลผู้เริ่มต้นแข่งมือใหม่ให้อยู่กับวงการนาน ๆ

การปั่นจักรยานดาวน์ฮิลล์ ให้สนุกและพัฒนาได้อย่างรวดเร็วสิ่งสำคัญมากที่สุดอันดับแรกที่นักแข่งหลายคนอาจจะมองข้ามในการที่จะนำมาใช้เป็นพาหนะสู่ความสำเร็จในการฝึกซ้อมและแข่งขัน ผู้เขียนพูดถึงช่วงนี้แล้วหลายคนอาจจะกำลังคิดตามอยู่และอาจมีจินตนาการไปต่าง ๆ นา  ๆ ว่าจะต้องใช้รถยี่ห้อไหน จะใช้ช็อคหน้าหลังอะไรหรือแม้แต่อุปกรณ์ป้องกันแบบไหนที่ใส่เบาและคล่องตัวหรือแม้แต่อาจจะคิดแบบตลก ๆ ว่าจะนั่งรถอะไรไปแข่งขันดี แต่จริง ๆ แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่ว่ามานั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความฝัน เป้าหมาย แรงปรารถนา อันแรงกล้าของเราเองต่างหาก ที่เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะมีในโลกใบนี้เพราะจะเป็นพลังที่มีอานุภาพจะทำให้เรามีศรัทธาและความเชื่อ มีภาพแห่งความฝันที่ชัดเจนในสิ่งที่เราทำอยู่ให้มีความสนุกมากที่สุด ผ่อนคลายที่สุด คิดบวก คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่ทำให้มีกำลังใจเสมอ และมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้กับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในการฝึกซ้อมและแข่งขันเพื่อจะได้ประสบความสำเร็จของแต่ละคน เพราะเป้าหมายและความสำเร็จของแต่ละคนแตกต่าง และผมเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถที่จะพัฒนาและประสบความสำเร็จได้เพราะคนที่เขาประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์ แต่เกิดจากการแสวงหาและพยายามที่จะทำอย่างจริงใจอย่างเหมาะสมมีความรับผิดชอบ หากเราไม่ท้อแท้สักวันต้องประสบความสำเร็จจนได้

การแข่งขันจักรยานดาวน์ฮิลล์หรือ ครอสคันทรี่ ไม่ได้จัดแข่งขันในที่เดิมมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสนามไปเรื่อย ๆ ตามแต่ความถนัดและความต้องการของผู้จัด ซึ่งในการแข่งขันแต่ละครั้งจะต้องมีระยะเวลาในการเดินทางเพื่อไปฝึกซ้อมก่อนวันแข่งจริง ปัญหาที่ตามมาคือไม่สามารถเรียนรู้แก้ปัญหาและจดจำเส้นทางได้ทั้งหมด นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราจะต้องฝึกกระบวนการรับรู้สร้างความชำนาญ ซึ่งในตอนต่อไปจะได้มาแนะนำกระบวนการเหล่านี้ให้รับรู้ และลองนำไปปฏิบัติต่อไปครับ




4 ม.ค. 2554

การฝึกพื้นฐานการขี่รถดาวน์ฮิลล์ [เทคนิคการปั่นจักรยาน]

|0 ความคิดเห็น
 [เทคนิคการปั่นจักรยาน]

การฝึกพื้นฐานการขี่รถดาวน์ฮิลล์ [เทคนิคการปั่นจักรยาน]
            เนื่องจากเส้นทางของการขี่จักรยานดาวน์ฮิลล์ส่วนใหญ่จะเป็นการขี่ลงภูเขาตามชื่อ ประเภทการขี่ตรง ๆ สิ่งที่เป็นพื้นฐานอย่างแรกที่เราอยากนำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ทราบก็คือ การรักษาสมดุลของร่างกายตามทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ พูดแบบนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะงง ปกติเวลาเราขี่จักรยานจะรักษาสมดุลซ้าย-ขวา เพื่อไม่ให้รถล้มใช่ไหมครับ แต่ขี่ดาวน์ฮิลล์นั้นทิศทางการเคลื่อนที่ของรถจะเป็นทิศทางการดิ่งลงแนวต่ำ ดังนั้นจึงจะต้องมีการรักษาสมดุลของรถตามการเคลื่อนที่ของรถ กล่าวคือหากเราขี่รถบนพื้นราบหลังเราจะตั้งตรงให้น้ำหนักตัวกระจายไปทั้งสองล้ออย่างเท่ากัน แต่ในกรณีการขี่ลงภูเขาหากเราไปขี่แบบนั้นจะทำให้รถม้วนหน้า เพราะว่าทางที่ไม่ได้ราบระดับแต่เป็นการขี่บนทางลาดเอียง หากเรายังขี่โดยลำตัวตั้งตรงน้ำหนักกระจายลงบนทั้งสองล้อเท่ากันก็จะทำให้รถคว่ำได้ง่าย ๆ การขี่ลงภูเขาไม่ให้รถคว่ำม้วนหน้า สามารถทำได้โดยการถ่ายน้ำหนักตัวไปล้อหลังของรถ โดยการหย่อนก้น ซึ่งก็สามารถฝึกได้ง่าย ๆ ดังนี้ [เทคนิคการปั่นจักรยาน]
1. ขี่รถมาปกติ แล้วก็ปล่อยให้รถไหลวางตำแหน่งเท้าให้บันไดขนานพื้น ให้ขาที่ถนัดอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็ยกก้นขึ้นจากเบาะ
2. เกร็งแขนและขาเพื่อเลี้ยงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ แล้วค่อยหย่อนก้นลงต่ำด้านหลังเบาะ
3. ปล่อยให้รถไหลตรงไปเรื่อย ๆ ซักพักแล้วค่อยดึงตัวกลับไปนั่งบนเบาะเหมือนเดิม
            ในการฝึกท่านี้แรก ๆ อาจจะทำได้นิดเดียวครับ เพราะเป็นที่ใช้กำลังของขาและแขนมาก สำหรับท่านที่เพิ่งเริ่มฝึก แนะนำให้หย่อนก้นไปด้านหลังนิดเดียวก็พอ จากนั้นจึงค่อย ๆ หัดหย่อนให้มากขึ้น และเลี้ยงตัวให้นานขึ้น การฝึกท่านี้ควรจะทำควบคู่กับการยกเวทด้วย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วงแขน [เทคนิคการปั่นจักรยาน]
            หลังจากฝึกหย่อนก้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกขี่ลงเนินเล็ก ๆ เพื่อให้เป็นการฝึกทักษะให้เกิดความเคยชินกับการขี่ลงเนินซึ่งก่อนจะฝึกขี่ลงเนินใด ๆ ก่อนทำการฝึกควรเดินสำรวจเส้นทางก่อนฝึกจะเป็นการดี เผื่อท่านอาจจะเจอตอไม้ จะได้ระวังไม่ให้ขี่ไปชนตัวไม้ดังกล่าว ส่วนขั้นตอนการฝึกก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ [เทคนิคการปั่นจักรยาน]
1. ขี่รถมาที่ยอดเนิน ก่อนถึงยอดเนินก็ยกขึ้นจากเบาะเพื่อที่จะมองเส้นทางได้ชัด
2. ขณะที่ล้อหน้าเริ่มลงเนินไปแล้ว ก็ให้ทำการหย่อนก้นไปด้านหลังเหมือนที่ฝึก
3. เลี้ยงตัวให้รถไหลลงเนินอย่างช้า ๆ โดยการเลียเบรกช่วย เพื่อเป็นการฝึกการทรงตัวเวลาลงเนินและฝึกทักษะการใช้เบรกเพื่อรักษาการทรงตัวไปในตัว
4. เมื่อรถลงสุดเนินก็กลับมานั่งขี่บนเบาะเหมือนเดิม
            นี่คือเทคนิกการขี่ดาวน์ฮิลล์ขั้นพื้นฐาน ที่ต้องนำไปใช้งานกันบ่อยมากที่สุดครับ..

บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง