จักรยานทัวร์ริ่งหากจะเลือกซื้อต้องถามตัวเองก่อนว่า เราจะนำไปใช้ในรูปแบบใด หากเราจะนำไปใช้ในการขี่ท่องเที่ยวจริงๆ เช่นใช้เดินทางท่องเที่ยวเหมือนฟรั่งที่เขาปั่นจักรยานกันแบบข้ามประเทศ หรือหากเป็นเราๆ ท่านๆ อาจจะแค่เดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระยะทางอาจจะไม่ไกลมากอาจจะแค่ขี่ข้ามอำเภอ หรือข้ามจังหวัดไปหาที่ตั้งแคมป์เพื่อสัมผัสธรรมชาติอะไรทำนองนี้
สิ่งที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อจักรยานทัวร์ริ่งมีดังนี้ครับ
ซึ่งจากการที่ผมได้ไปหาข้อมูลทางด้านราคาของจักรยานประเภทนี้มาแล้วนั้น ส่วนใหญ่ร้านจำหน่ายจักรยานในบ้านเราจะไม่ค่อยสต็อคสินค้าใว้ครับ อาจจะด้วยเหตุที่ว่าจักรยานทัวร์ริ่งในบ้านเรายังไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันมาก เหมือนเมืองนอก หากมีสต็อคไว้ก็จะไม่มากแค่ 1 - 2 คันหากเราไปหาซื้ออาจจะไม่ได้ตาม Size ที่เราต้องการ ในบ้านเรายี่ห้อดังๆ ราคาก็จะตกอยู่ประมาณ 40,000 บาท ขึ้นไปครับ ยกตัวอย่างเช่น TREK 520 2011 ราคาอยู่ที่ประมาณ 49,000 บาท หากใครที่พอมีกำลังซื้อก็จัดไปครับ แต่หากเป็นผม ผมจะซื้อแบบ ไม่คำนึงถึงยี่ห้อครับ ขอให้คุณภาพดีก็พอครับ (สำหรับผู้ที่พอมีความรู้ในการเลือกอะไหล่ นะครับ) สำหรับรถที่ราคาไม่แพงมากก็เช่น ยี่ห้อ MASI ตัวถังเป็นโครโมลี่ ล้อ 700C ราคา 19,000 - 22,000 บาท หากมือสองจากญี่ปุ่นยี่ห้อไม่เคยได้ยินมาก่อนราคา ก็จะอยู่ประมาณ 6,000 - 10,000 บาท หากเกินนี้ผมคิดว่าซื้อใหม่ดีกว่าครับ ลองหาดูตามเว็บประกาศ ต่างๆ ดูครับ แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ควรซื้อใหม่ดีกว่าครับหากจะเล่นมือสองควรเป็นคนที่มีความรู้ และศึกษามาพอสมควรมิเช่นนั้นอาจถูกหลอกได้ครับ เพราะเดี๋ยวนี้พวก มิจฉาชีพ หากกินตามบอร์ดประกาศเยอะมากครับ ทั้งหลอกให้โอนเงิน เอาสินค้าของคนอื่นมาโพสแล้วบอกว่าของเป็นของตัวเองแล้วเอาราคาถูกมาล่อใจ อะไรแบบนี้ครับ หากไม่มั่นใจอย่าโอนเงินเด็ดขาดครับ จักรยานไม่ใช่ราคาหลักร้อย ทางที่ดีไปซื้อที่ร้านที่เราไว้ใจได้เลยครับปลอดภัยสุดๆ ครับ
ผมแนะนำอีกอย่างนะครับ สำหรับผู้ที่ต้องการ จักรยานทัวร์ริ่ง หากจะนำมาใช้จริงๆ และออกทริปเป็นประจำ ควรดูอะไหล่ด้วยว่าสามารถซ่อมบำรุงได้ง่ายหรือเปล่า คือสามารถถอดออกมาซ่อมบำรุงโดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือ พิเศษ พิสดาร อะไรมากมาย ครับ แค่เครื่องมือซ่อมบำรุงพื่นฐานก็ซ่อมได้ยิ่งดีครับ เหตุผลเพราะเวลาเราออกทริปไกลๆ เช่น กรุงเทพ - เชียงใหม่ คงไม่มีใครอยากแบกเครื่องมือซ่อมบำรุงจักรยานชุดใหญ่ไปนะครับ เพราะหากปั่นทางเรียบก็ไม่เท่าไหร่หลอกครับ แต่หากไปถึงเส้นทาง ระหว่าง เถิน ถึงเชียงใหม่แล้วคุณแทบอยากจะทิ้งสัมภาระ ที่บรรทุกมาหมดเลยครับ เพราะจะมีทางขึ้นเขาเยอะมากครับ
สิ่งที่ผมได้เขียนบรรยายมาข้างบนนั้นก็เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่ กำลังมองหาจักรยานทัวร์ริ่ง สักคันแต่ประเด็นหลักแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่าต้องการจะนำไปใช้ใน การเดินทางไกลจริงๆ หรือเปล่าหากต้องการแค่ ใช้ปั่นเล่นเฉยๆ อันนี้ไม่ต้องลงรายละเอียดมากนักครับ หากเรามีตังก็ซื้อมาใช้ได้เลยครับ แต่หากเราจะนำไปใช้เพื่อเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ อันนี้ต้องละเอียดในการเลือกซื้อหน่อยก็ดีครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณบทความจาก www.thbike.blogspot.com
สิ่งที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อจักรยานทัวร์ริ่งมีดังนี้ครับ
- งบประมาณในการเลือกซื้อจักรยาน ซึ่งมันเป็นตัวกำหนดเลยครับว่าเราจะได้รถตามแบบที่เราต้องการหรือเปล่า เช่น ถ้าเราต้องการจักรยานทัวร์ริ่ง ยี่ห้อดังๆ อะไหล่ระดับ Shimano Dura Ace แต่เรามีงบ 20,000 บาท อันนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ แต่เดี๋ยวก่อน!! ใช่ว่าหากคุณมีงบประมาณตามนี้แล้วคุณจะหารถดีๆ มาขี่ไม่ได้นะครับ รถดีๆ แต่ราคาไม่แพงก็มีครับอยู่ที่เราจะเลือกเป็นหรือเปล่าครับ
- จักรยานประเภทนี้ต้องขี่สบายไม่ปวดเมื่อยง่ายๆ เพราะเราต้องใช้เวลาอยู่บน จักรยานนานมากๆ ครับ ไม่มีจักรยานคันไหน ที่จะมี Size พอดีกับเราเปะหลอกครับ คือเราต้องปรับตัวเข้ากับจักรยานให้ได้ครับ แต่จักรยานที่ดี ควรทำให้ผู้ขี่มีการปรับตัวให้เข้ากับจักรยานน้อยที่สุดครับ เช่น ปรับแฮนด์, ปรับ Stem หรือ อาจจะปรับเบาะนั่งแค่นิดหน่อย ก็ขี่สบายแล้วครับ
- ในส่วนของเฟรมจักรยานทัวร์ริ่ง โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบโครโมลี่ (ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างเหล็กและโมลิบดีนั่ม) ครับเพราะขี่ได้นุ่มนวลกว่า แต่มันจะออกตัวช้าบ้างก็ไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อทำความเร็วได้คงที่แล้ว ผู้ขี่จะออกแรงในการปั่นน้อยกว่า เฟรมแบบอลูมิเนียมครับ ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของเรา คือปั่นระยะทางไกลๆ แต่ใช้แรงอย่างประหยัดครับ แต่ข้อเสียของเฟรมแบบโครโมลี่ก็มีนะครับ เช่นดูแลยากเพราะมันขึ้นสนิมได้ครับ และอีกอย่างครับ เวลาขึ้นเนินเขาเราต้องออกแรงเยอะกว่าเฟรมแบบอลูมิเนียมครับ แต่โดยรวมในความคิดของผมก็ยังชอบเฟรมแบบโครโมลี่ มากกว่าอลูมิเนียมครับ แต่ยังไงแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่จะซื้อด้วยครับ ว่าชอบแบบไหน ชอบขี่ทางเรียบเยอะๆ ก็โครโมลี่ แต่หากชอบทางที่เป็นเนินเขาเยอะๆ ก็เลือกอลูมิเนียมครับ
- ในส่วนของแร็คและบังโคลน ผมถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับจักรยานทัวร์ริ่งครับ เจ้าแร็คนี้จะช่วยให้เราบรรทุกของที่จำเป็นในการเดินทาง และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ในการดำรงชีวิต เช่นถุงนอน หรือเต้น ส่วนบังโคลนประโยชน์ของมันคือเวลาเราปั่นไปเจอทางเปียก หรือฝนตกมันจะกันสิ่งสกปรกดีดขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเราได้ และยังทำให้รถของเราไม่สกปรกมากเวลาเจอทางที่เป็นโคลนเยอะๆ ครับ
- แฮนด์จักรยานทัวร์ริ่ง ที่ผมเห็นส่วนใหญ่จะมีสองแบบ คือแบบตรงคล้ายๆ ของจักรยานเสือภูเขา และแบบ Drop ก็แบบเสือหมอบครับ หากคุณจะใช้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ ผมแนะนำ แบบ Drop ครับเพราะเราสามารถเปลี่ยนการจับแฮนด์ได้หลายแบบ เช่น จับบน, จับล่าง, จับข้าง หรือ จะจับตรงส่วนเบรค มันจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีครับ
- ทางด้านล้อจักรยานประเภทนี้ที่นิยนกันก็จะมี 2 Size ครับคือ ขนาด 26 นิ้ว และ ขนาด 700c ซึ่งขนาด 26 นิ้วเวลาเราขี่จะมีความนิ่ง และไม่วอกแวก เพราะวงล้อมันเล็กกว่าขนาด 700c ครับ
สิ่งที่ผมได้เขียนบรรยายมาข้างบนนั้นก็เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่ กำลังมองหาจักรยานทัวร์ริ่ง สักคันแต่ประเด็นหลักแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่าต้องการจะนำไปใช้ใน การเดินทางไกลจริงๆ หรือเปล่าหากต้องการแค่ ใช้ปั่นเล่นเฉยๆ อันนี้ไม่ต้องลงรายละเอียดมากนักครับ หากเรามีตังก็ซื้อมาใช้ได้เลยครับ แต่หากเราจะนำไปใช้เพื่อเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ อันนี้ต้องละเอียดในการเลือกซื้อหน่อยก็ดีครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณบทความจาก www.thbike.blogspot.com