บทความนี้เป็นบทความที่ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ ฺBike lane นิตยสาร a day กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งเป็นบทความค่อนข้างเก่าเมื่อปีที่แล้ว แต่ผมเห็นว่ายังมีสาระและทัศนะที่เป็นประโยชน์ต่อแวดวงจักรยาน ผมจึงขออนุญาตเอามาลงในบล็อกแห่งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ทัศนะคติที่ดีต่อจักรยาน บางท่านอาจจะเคยได้อ่านผ่านตามาแล้ว ก็ถือว่าเป็นการทบทวนอีกครั้ง ส่วนท่านใดที่ยังไม่เคยอ่านก็ลองอ่านดูครับ ทัศนะคติเกี่ยวกับจักรยานของท่านอาจเปลี่ยนไป...
ผมเป็นไอ้หนุ่มจักรยานที่ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็มักใช้บริการเจ้าสองล้อคันโปรดเสมอครับ เพราะแน่นอนว่ามันทั้งสะดวก คล่องตัว อิสระ และฟรี จะแวะหยุดจอด ทำธุระที่ไหน เมื่อไหร่ นานแค่ไหน ก็ไม่ต้องเสียสตางค์ จากวันมาเป็นปี การขี่จักรยานทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อไม่ต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดซึ่งเหมือนเป็นปัญหาพื้นฐานที่คนกรุงเทพทุกคนต้องเจอ
ตอนเด็กๆ ผมเบื่อกับปัญหารถติดมากจนคิดว่าโตขึ้นเราจะต้องแก้ไขมันให้ได้ แต่ทุกวันนี้ เพียงแค่จับจักรยานขึ้นมาขี่ ปัญหารถติดสุดแสนเบื่อหน่ายก็ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องกวนใจอีกต่อไป
มีบางคนบอกว่า “จักรยานเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ได้” ผมไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนหรือต้องมีคนปั่นมากเท่าไหร่โลกจึงจะน่าอยู่ แต่สิ่งที่สัมผัสได้ทันทีเมื่อผมเปลี่ยนวิถีการเดินทางมาอยู่บนหลังอานคือ ผมเห็นโลกในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยเห็นจากการโหนรถเมล์หรือนั่งรถยนต์ จังหวะหมุนของวงล้อที่ดูเฉื่อยช้าไม่ทันใจใครหลายคน กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ค่อยๆ หมุนเปลี่ยนความคิด แม้โลกไม่ได้เปลี่ยนทันใด แต่ใจที่เรามองโลกนั้นเปลี่ยนไป อาจเพราะความช้าแบบพอดีๆ ทำให้เราเห็นในความงามรอบข้าง อาจเพราะไม่มีสิ่งใดขวางกั้นจึงสัมผัสได้ถึงมิตรภาพของชีวิตระหว่างสองข้างทาง แม้เมืองไทยยังห่างไกลจากคำว่าเมืองจักรยาน แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ไอ้หนุ่มคนนี้จะตกหลุมรัก
ของอย่างอื่น ยิ่งรักต้องยิ่งทะนุถนอม แต่กับจักรยานยิ่งรักต้องยิ่ง “ถีบ” เมื่อถีบบ่อยๆ ก็ต้องดูแลรักษากันบ้างตามการใช้งาน อะไรเสียนิดหน่อย ผมจะชอบซ่อมเอง แต่ถ้าอาการไหนหนักหนาเกินปัญญาก็ต้องพึ่งพาร้านซ่อม ระหว่างช่างกำลังซ่อมแซม ผมมักจะเฝ้าดูหรืออาสาเป็นผู้ช่วยอยู่เสมอ คอยสังเกตและสอบถามเทคนิคการซ่อมไว้เผื่อซ่อมเองในครั้งต่อไป การไปร้านแต่ละครั้งจึงเหมือนการไปหาความรู้เพิ่มเติมด้วย ทำไปทำมา การซ่อมแซม ตกแต่ง เช็ดถูรถถีบก็กลายเป็นงานอดิเรกที่เมื่อเริ่มทำ มักจะเพลินจนลืมเวลาเสมอ
ความสนุกของการดูแลจักรยานเองคือ ได้ค่อยๆ ทำความเข้าใจในแต่ละส่วนประกอบของจักรยานมากขึ้น อุปกรณ์เล็กๆ บางชิ้นเราไม่เคยรู้เลยว่ามันมีประโยชน์อย่างไร จนได้มาสังเกตดูจริงจัง โชคดีที่กลไกจักรยานไม่ซับซ้อนเกินกว่าคนทั่วไปจะเรียนรู้และซ่อมแซมได้เองครับ ยิ่งได้ลองผิดลองถูกจนสำเร็จ แม้อาจดูเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ “แค่นี้ เราก็ทำได้โว้ย” พอรู้หลักการต่างๆ การปรับแต่งจักรยานให้เหมาะกับตัวเรา ก็สามารถทำได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะเป็นระยะเบรก เกียร์ องศาเบาะ ความสูงแฮนด์ หรือจะตกแต่งแสงสีโคมไฟ ติดกระดิ่ง หรือแม้กระทั่งทำสีใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่แพงเลย ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งของ (อดีต) นักศึกษาจนๆ อย่างผมด้วยซ้ำ การดูแลจักรยานเองทำให้รู้สึกอุ่นใจเวลาขี่เพราะรู้ว่าจักรยานมีความพร้อมแค่ไหน แถมช่วยให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น เพราะเราใช้แบบเข้าใจว่าอะไรทำได้ อะไรไม่ควรทำ และเมื่อได้ดูแล ได้ใช้กันมานานๆ ก็ย่อมรู้สึกผูกพันเป็นธรรมดา จักรยานสำหรับผมจึงเป็นยิ่งกว่าของรักของหวง เพราะมันแฝงไปด้วยเรื่องราว ความทุ่มเท การเอาใจใส่ดูแล และมากด้วยความทรงจำครับ
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่ได้จากการขี่จักรยานคือทำให้เรารู้จักเมืองที่เราอยู่ดีขึ้น เพราะจักรยานสามารถไปได้แม้แต่ตรอกซอกซอยแคบๆ ไม่เหมือนรถใหญ่ ไม่กลัวหลง ถ้าเจอทางตันอย่างมากก็แค่หมุนรถกลับออกมา ดังนั้นถ้ามีเวลาว่างๆ ผมมักสนุกกับการปั่นจักรยานเข้า-ออกซอยเล็กซอยน้อยเพื่อสำรวจหาทางใหม่ๆ ผมพบว่าแม้แต่แถวบ้านที่ผมอยู่มากว่า 20 ปี ก็ยังมีอีกหลายที่ที่เจ๋งมากๆ เช่น ผมพบว่าจากบ้านแถวท่าพระไปที่ทำงานแถวท่าเตียน ผมสามารถขี่จักรยานทะลุเข้าออกซอกซอยโดยไม่ต้องวิ่งบนถนนใหญ่เลย หรือแถวบ้านผมที่ดูเหมือนตั้งอยู่กลางเมือง ยังสามารถพบพื้นที่สวนเก่าที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่าน อยู่ตามตรอกเล็กๆ ที่รถยนต์เข้าไม่ถึง เหมือนเป็นอีกอาณาจักรหนึ่ง แต่เราเพิ่งรู้จักเมื่อมาขี่จักรยาน เพราะการเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถเมล์ มันมีเงื่อนไขจำกัดเส้นทางทั้งเรื่องค่าโดยสารและสภาพจราจร หรือกลัวไม่มีที่จอด จะซี้ซั้วแวะออกนอกลู่นอกทางก็ไม่ค่อยได้ มันไม่อิสระเหมือนจักรยาน
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ บรรยากาศกรุ่นด้วยความรักอย่างนี้ ผมคิดว่าคู่รักหนุ่มสาวคงกำลังลองมองหากิจกรรมโรแมนติกมาทำเซอร์ไพรส์กันครับ หากใครหันซ้ายหันขวาแล้วคิดไม่ตกว่าจะทำอะไรดี ผมคิดว่าจากข้อดีต่างๆ ของการขี่จักรยานที่ว่ามาแล้ว น่าจะเอื้อต่อบรรยากาศในโอกาสพิเศษเช่นนี้ครับ เพราะว่ากรุงเทพฯ ยังมีอีกหลายที่ที่สวยงามและเหมาะสำหรับขี่จักรยานที่สุด น่าชวนไปเดตด้วยจักรยานกันดูครับ บางทีชีวิตคนเมืองที่รีบเร่งมาตลอด อาจต้องการช่วงเวลาสบายๆ ให้ยืดย้วยกับเขาบ้าง จักรยานเหมาะกับการพักผ่อนแบบชีวิตช้าๆ มากเลยละครับ ส่วนสถานที่ที่แนะนำสำหรับมือใหม่หัดขี่ อาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการชวนกันไปปั่นที่สวนรถไฟก็ได้ครับ ที่นั่นมีจักรยานหลากหลายแบบให้เช่าในราคาย่อมเยาและภายในสวนก็มีที่ทางให้ขี่จักรยานได้เป็นสัดส่วน ร่มรื่นและปลอดภัยครับ อาจเพิ่มเสน่ห์ด้วยการนัดกันหิ้วปิ่นโตนำอาหารมาแบ่งกันทานก็น่ารักดีครับ นอกจากพื้นที่ปั่นจักรยานกว้างขวางแล้ว สวนรถไฟยังมีที่เที่ยวอีกหลายแบบครับ ถ้าใครชอบดูผีเสื้อหรือแมลง ในสวนมีอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ เปิดให้บริการฟรี มีมุมพายเรือ ว่ายน้ำ นอกจากนั้นหากอยากฟังธรรมก็มีสวนโมกข์ฯ กรุงเทพอยู่บริเวณปากทางเข้า มุมประติมากรรมสวยๆ ก็มีอยู่ทั่วให้ถ่ายรูปอัพเฟซบุ๊กกันได้สบายๆ มาที่นี่อยู่เที่ยวได้ทั้งวันครับ
ส่วนคู่ไหนที่มีทักษะการปั่นจักรยานตามถนนอยู่บ้าง สถานที่ที่มีบรรยากาศโรแมนติก มีอยู่มากมายทั่วกรุงเทพเลยครับ แต่ที่ผมเคยไปและชื่นชอบมากคือแถบเขตกรุงเทพชั้นใน โดยเฉพาะแนวเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นเพกรุงเทพฯ เราเป็นเมืองที่สัญจรทางน้ำเป็นหลัก ทั้งโบสถ์ วัด อาคารบ้านเรือนสวยๆ สมัยก่อนจึงตั้งอยู่ริมแม่น้ำเสียส่วนใหญ่ ผมว่าการได้หาโอกาสไปเยี่ยมเยียนสถานที่เหล่านั้นสักครั้งหนึ่ง เป็นอะไรที่วิเศษมากๆ เลยครับ และการเดินทางไปหลายๆ ที่ ที่ไม่ไกลกันมาก วิธีที่สะดวกที่สุดก็คือการขี่จักรยานนั่นเองครับ ถ้าคุณวางแผนจัดเส้นทางให้ดี ไม่ไกล ไม่ร้อน และไม่ฝืนเกินไป (โดยเฉพาะถ้าคู่ของคุณไม่คุ้นกับการขี่จักรยาน เราต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี อาจต้องเตรียมแผนสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินครับ) ปิดท้ายด้วยการแวะชมวิวพระอาทิตย์ตกริมน้ำ หาร้านดินเนอร์เก๋ๆ การเดตด้วยการปั่นเที่ยวชมสถานที่สำคัญริมน้ำ ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าประทับใจนะครับ ใครได้ลองเดตด้วยจักรยานแล้ว เล่าสู่กันฟังได้นะครับ
ที่มา : คอลัมน์ bike lane นิตยสาร a day กุมภาพันธ์ 2555
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น