ss

11 ก.ค. 2554

คำแนะนำการขี่จักรยานเมาเท่าไบค์จากนักปั่นมืออาชีพ มือโปรระดับเซียนเหยียบเมฆดีกรีระดับแชมป์โลก

คำแนะนำการขี่จักรยานเมาเท่าไบค์จากนักปั่นมืออาชีพ มือโปรระดับเซียนเหยียบเมฆดีกรีระดับแชมป์โลก


จูลิอ็อง  อับซาล็อง : เหรียญทองโอลิมปิค 2 สมัย,แชมป์โลกครอสคันทรี 4 สมัย


คำแนะนำแรกคือคุณต้องสนุกกับการขี่จักรยานครับ ความสนุกและหลงใหลนี่แหละคือแรงขับเคลื่อนของผม ส่วนเรื่องอื่น  ๆ ก็คือ 
1. เมาเท่นไบค์ของคุณต้องมีสภาพดีและปรับแต่งได้ถูกต้องเพื่อคุณได้สนุกกับมันได้เต็มที่ 
2. การวางตำแหน่งท่าทางบนจักรยานต้องถูกต้องด้วย ทั้งความสูงของอาน ตำแหน่งเลื่อนไปข้างหน้าและหลังของอาน ความยาวของขาจาน และอื่น ๆ 
3. พยายามวัดความดันลมยางให้ได้ระหว่าง 27.5 psi ถึง 30.5 psi สำหรับยางแบบทิวป์เลส และ 29-32 psi สำหรับยางปกติ 
4. วัดความดันช็อคให้ดี ให้พอเหมาะก่อนออกไปปั่น 
5. ติดมือเบรกให้ใกล้ศูนย์กลางแฮนด์ เพื่อคุณจะได้วางนิ้วชี้พักไว้บนตัวมือเบรก และเบรกเบา ๆ ได้ด้วยนิ้วชี้ 
6. มองให้ไกลตลอดเวลาเพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง 
7. ขี่ให้สนุกครับ

มายา  วลอสโซสก้า : แชมป์โลกครอสคันทรี่ประเภทหญิงปี 2010

    1. คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง พลังทั้งหมดมาจากใจคุณนั่นเอง ถึงจะรู้สึกอ่อนแรงตอนซ้อมแต่พอมาอยู่หลังเส้นสตาร์ทแล้วฉันเชื่อว่าตัวเองจะชนะทุกที มันอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็จริงนะแต่มันก็ทำให้ฉันใจสู้ขึ้นอีกเยอะเลย
    2. ต้องสู้ กัดไม่ปล่อยนะคะ การแข่งเมาเท่นไบค์หรือมาราธอนเป็นกีฬา
ที่ใช้เวลานานค่ะและทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น คุณอาจจะฮึดสู้ขึ้นมาได้อีกระหว่างการแข่งขันนั่นหรือไม่คนอื่นอาจจะหมดใจไปแล้ว ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้จริง ๆ ก่อนจะจบสิ้นการแข่งขัน ถ้าคุณถอยครั้งนี้ ครั้งหน้าคุณก็จะถอยเหมือนกัน 
3. ต้องมีสมาธิอยู่เสมอ ตอนแข่งจักรยานนั่นฉันไม่สนใจอะไร ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเลย มุ่นแต่การแข่งในลู่อย่างเดียว พยายามจำโค้งให้ไดทุกโค้ง หินทุกก้อนและมุ่งสนใจอยู่แต่เส้นทางข้างหน้าเท่านั้น ไม่ว่ามันจะยากหรือง่ายก็ตาม ความผิดที่ร้ายแรงที่สุดนั่นมักจะอยู่ในจุดที่ง่ายที่สุด เมื่อเรารู้สึกผ่อนคลายหลังจากผ่านพ้นช่วงที่ยากที่สุดมาได้
4. รอบจัดอยู่เสมอ ให้พยายามใช้รอบขาจัด ๆ ไว้ให้บ่อยเพื่อให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้บ่อยเท่าที่จะเป็นไปได้
5. คุมจุดศูนย์ถ่วงให้อยู่ จุดสำคัญที่สุดในการใช้ทักษะก็คือต้องรักษาสมดุลเอาไว้ให้ได้ เช่นตอนขึ้นเขาก็ให้เลื่อนตัวมาหน้าอาน แต่ตอนลงเขาก็ให้เลื่อนตัวไปหลังอานให้มากขึ้นอีกนิด
6. จะยากหรือง่าย ให้ใช้ความเร็วแก้  ไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นอย่างไร การพุ่งผ่านมันไปด้วยความเร็วสูงจะง่ายกว่าใช้ความเร็วต่ำเสมอ ถ้าคุรเจอรากไม้หรือดงหินช่วงขาขึ้นเขาก็ลองอัดเร็ว ๆ ผ่านมันไปเลยสิค่ะ
7. อย่าเบรกมากตอนลงเขา  อย่าใช้เบรกบ่อยก่อนเจอหินก้อนใหญ่ ๆ ให้พยายามยกล้อหน้าหรือถ้าเป็นไปได้ก็บันนี่ฮ็อปผ่านไปเลย และต้องพยายามควบคุมจักรยานไว้ให้ได้เสมอ
8. ใช้เกียร์ต่ำเมื่อเจอโคลนหรือทราย  ให้ใช้เกียร์ต่ำเมื่อเจออุปสรรคเหล่านี้แล้วจักรยานจะตะกุยผ่านไปได้

จอร์เจีย  กูลด์ : แชมป์แห่งชาติครอสคันทรี่สหรัฐฯ ปี 2010

     1. อย่าทำอะไรเกินความสามารถ  คนบางคนบอกว่า “ถ้าไม่เคยล้มก็จะไม่มีทางพัฒนาฝีมือ” ซึ่งฉันไม่เห็นด้วยหรอก ฉันคิดว่าถ้าจะให้เก่งขึ้นมันก็ต้องผลักดันตัวเองแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำอะไรแบบหักโหมเสมอไป เพราะเมื่อใดที่คุณกลัวคุณก็จะเกร็งแล้วทักษะต่าง ๆ ก็จะไม่เกิด มีโอกาสจะทำผิดพลาดได้มากขึ้น ดังนั้น จึงต้องหัดทำอะไรที่มันท้าทายแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำให้ได้อย่างที่ใจคิดเสมอไป เมื่อทำได้แล้วจะเกิดกำลังใจให้ทำในสิ่งที่ยากยิ่งขึ้นค่ะ
     2. ควบคุมความดันลมยางให้ได้เสมอ  มีคนจำนวนมากที่ไม่เข้าใจว่าความดันลมยางแค่ไหนที่จะสร้างความแตกต่างได้ระหว่างการเกาะถนนและการรีดเอาสมรรถนะขีดสุดออกจากจักรยาน ซื้อเครื่องวัดลมแบบดิจิตอลไว้ใช้สักอัน เอามันใส่ไว้กระเป๋าหลังเสื้อจักรยานก็ได้ แล้วคราวต่อไปเมื่อจะปั่นก็ลองวัดความดันลมยางต่าง ๆ ดูแล้วเมื่อพบว่าความดันแค่ไหนที่ทำให้ขี่ได้ดีที่สุดก็ให้ใช้ตัวเลขความดันนั้นเป็นหลัก
3. มองไกลไว้ตลอด  ยิ่งคุณมองได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งพุ่งไปได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น ฟังดูเหมือนง่ายแต่คงต้องฝึกล่ะค่ะถึงจะทำได้พอฉันเหนื่อยล่ะก็ ฉันชอบก้มมองล้อหน้าเสมอแล้วก็เลยทำให้ช้าลง ต้องฝึกมองให้ไกลให้บ่อย ๆ เข้าไว้มันจะได้กลายเป็นธรรมชาติของคุณไปเลยค่ะ
ที่มา: นิตยสาร SPORTS STEET

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง