การถ่ายทอดพันธุกรรมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นการส่งผ่าน DNA ที่ทำให้คู่แข่งทางการตลาดตั้งตัวแทบไม่ติด Shimono เลือกที่จะพัฒนาระบบ Di2 จากรุ่นสู่รุ่น มากกว่าการที่จะพัฒนาระบบเกียร์ให้มี 11 Speed โดยเสนอทางเลือกให้กลับกลุ่มลูกค้าที่อยากใช้ระบบ Di2 แต่ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายมากเป็นการตลาดที่แยบยล เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะฝืดเคือง ทำให้ชุดขับเคลื่อน Shimano Ultegra Di2 ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมกับคำถามที่ว่า DNA1 ที่ถูกถ่ายทอดมาจาก Dura-ace Di2 นั้นจะดีเหมือนกันมั้ย และมียีนเด่น ยีนด้อย ต่างกันอย่างไรบ้าง
Shimano ได้พัฒนาระบบเกียร์ไฟฟ้า Di2 มาถึงจุดที่ให้ความแม่นยำ เที่ยงตรง รูปทรงอันทันสมัยและฉับไว ด้วยการสัมผัสปุ่มคอนโทรลเบา ๆ ระบบเกียร์ก็จะทำงานตามคำสั่ง ดังนั้นระบบ Di2 จึงเป็นที่ยอรมรับและพิสูจน์แล้วจากทีมแข่งระดับ Protour ว่าสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งระหว่างการใช้งานในรูปแบบการแข่งขัน สามารถทนทานต่อแรงกระแทก โดยเฉพาะจุดติดตั้งแบตเตอรี่ มีความมั่นคงและแน่นหนา ในการชาร์จไฟหนึ่งครั้งรถสามารถวิ่งไปได้ไกลกว่า 2,000 กม. ถึงแม้ระหว่างเส้นทางปั่นแบตเตอรี่ค่อย ๆหมดลง ก็ยังคงสามารถปั่นต่อไปได้ เนื่องจากตีนผียังคงพอทำงานาอยู่ในระดับที่พอเปลี่ยนเกียร์ที่จำเป็นต้องใช้ ไม่หวาดหวั่นแม้สภาวะฟ้าฝนไม่เป็นใจ หากสังเกตในรายการแข่งขันหลายต่อหลายรายการที่มีฝนตกหนักทีมแข่งอาทิ Rabobank/HTC-Highroad/Euskaltel-Euskadi,Skil-Shinmano/Sky/Leopard-Trek ยังคงไว้วางใจใช้ระบบ Di2 ไม่เปลี่ยนเป็นระบบเคเบิ้ลแม้แต่ทีมเดียว แถมยังลุยน้ำลุยโคลนได้สบายอีกด้วย ปัญหาเดียวที่เกิดขึ้นกับระบบ Di2 ก็คือ ราคาที่ค่อนข้างแพง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่กับการขยายกำลังซื้อถึงแม้ผู้บริโภคจะทราบดีว่าระบบ Di2 น่าใช้น่าทดลองเพียงใด แต่ด้วยกำลังซื้อที่แตกต่างกัน ทางออกของ Shimano ก็คือ การให้กำเนิดชุดขับเคลื่อน Ultegra Di2 สำหรับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้อย่างทันท่วงที Shimano Ultegra Di2 ถูกโคลนนิ่งมาจาก Shimano Dura-ace Di2 ดังนั้นระบบการทำงานจึงเหมือนกัน แตกต่างกันบ้างในเรื่องของวัสดุที่ใช้ ถึงเวลาวิเคราะห์เจาะลึกกันแล้วว่า Ultegra Di2 มีความเหมือนหรือแตกต่างกัน Dura-ace Di2 ตรงไหนบ้าง
Ultegra Di2 2012 ประกอบไปด้วย ชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้นไม่นับชุดบันได้ คือ มือเกียร์,สับจาน,ตีนผี,จานหน้า,เฟืองหลัง,โซ่,ก้ามเบรก และแบตเตอรี่ แต่ปัจจัย 4 ของชุดขับเคลื่อน Ultegra Di2 คือ มือเกียร์,สับจาน,ตีนผี และแบตเตอรี่ เนื่องจากชิ้นที่เหลือสามารถใช้ Ultegra แบบธรรมดาชดเชยกันได้
ปัจจัยแรก มือเกียร์ ของ Ultegra Di2 มีขนาดใกล้เคียงกับของ Dura-ace Di2 ก็เท่ากันมีเพียงขนาดด้านกว้างที่รู้สึกได้ว่าหนาขึ้นกว่าเล็กน้อย น้ำหนักของชุดมือเกียร์รวม 313 กรัม หนักกว่าของ Dura-ace Di2 อยู่แค่ 58 กรัม
ปัจจัยสอง สับจาน เปรียบเสมือนแขนของการทำงานในระบบ Di2 น้ำหนักตัว 162 กรัม เป็นรอง Dura-ace Di2 อยู่ 38 กรัม ถือว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับกลไกอัจฉริยะ ขึ้น/ลง ใบจานหน้าได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังสามารถปรับระยะห่างของสับจานกับแนวโซ่ให้สัมพันธ์กันอีกด้วย
ปัจจัยสาม ตีนผี ก็เปรียบเสมือนขาของการทำงานในระบบ Di2 อีกเช่นกัน น้ำหนักตัว 270 กรัม ต่างจากรุ่นพี่อยู่ 45 กรัม แต่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและแม่นยำ ไม้เด็ดของตีนผี Ultegra Di2 สามารถรองรับเฟืองหลังใบใหญ่ได้ถึง 28 ฟัน ในขณะที่ Dura-ace Di2 รับได้เพียง 27 ฟันเท่านั้น
ปัจจัยสี่ แบตเตอรี่ เปรียบเสมือนหัวใจของการทำงานในระบบ Di2 น้ำหนักตัว 71 กรัม เท่ากันกับผู้พี่ Dura-ace Di2 สามารถใช้ทดแทนกันได้ แบตเตอรี่กันน้ำได้ 100% และในการชาร์จหนึ่งครั้ง รถสามารถใช้งานในระยะทาง 2,000 กม. การทำงานที่กินแบตเตอรี่มากที่สุดคือ หน้าที่การทำงานของสับจานหน้า ถึงแม้จะใช้บ่อยครั้งสักเพียงใด ก็มั่นใจได้แน่ว่าถึง 2,000 กม.แน่นอน
ทั้งหมดเป็นปัจจัย 4 ในการทำงานของชุดขับเคลื่อน Di2 ไม่ว่าจะเป็น Di2 ผู้พี่หรือ Di2 ผู้น้องก็ตามซึ่งชิ้นส่วนที่เหลือ จานหน้า โซ่ เฟือง เบรก สามารถทดแทนกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรหัส Di2 ในส่วนของการใช้งานจริง Ultegra Di2 และ Dura-ace Di2 ทั้งคู่ยังสามารถเปลี่ยนเกียร์ในแบบที่เกียร์ระบบธรรมดาทำไม่ได้ ช่วยในเรื่องการคอนโทรลรถในขณะที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ ปัจจุบันผู้ผลิตเฟรมชั้นนำทั่วโลก ออกแบบเฟรมให้สามารถติดตั้งชุดขับเคลื่อน Di2 ได้ด้วย เหมือนเป็นสัญญาณบอกเหตุไว้ว่า อนาคตอันใกล้นี้ระบบไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่ระบบเกียร์ในแบบธรรมดาอย่างแน่นอน
ขอบคุณบทความจาก นิตยสาร Sport Street
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น