ss

19 ต.ค. 2553

อัพเดทเสือหมอบปี 2011 จากงาน 2010 EUROBIKE [เสือหมอบ Rode Bike]

อัพเดทเสือหมอบปี 2011 จากงาน 2010 EUROBIKE (The Global Show) [เสือหมอบ Rode Bike]



          ปี 2010 เหมือนจะเป็นปีทองของเสือหมอบ Specialized ที่ Alberto Contador ชนะเลิศการแข่งขัน Tour De France 2010 รวมถึงการได้ตำแหน่งอันดับสองในรายการเดียวกันของ Andy Schleck ซึ่งทั้งคู่ได้ใช้รถ Speacialized ลงเข้าร่วมการแข่งขัน ทำให้บูธของ Specialized ดูจะเป็นที่สนใจของผู้คนนอกจากนั้น บูธของ Specialized ยังเป็นบูธของผู้ผลิตจักรยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในงาน Eurobike 2010 ซึ่งภายในบูธได้มีการจัดแสดงเสือหมอบรุ่นต่าง ๆ จาก Specialized ไม่ว่าจะเป็นเสือหมอบ Racing เสือหมอบ Cyclocross และเสือหมอบ Time Trial
          สำหรับทิศทางของรถเสือหมอบ Racing ในปีหน้าเริ่มแบ่งออกเป็นสองประเภทอย่างชัดเจนประเภทแรกคือ ประเภทที่ใช้ซางตะเกียบขนาด 1.125 นิ้วเหมือนเดิม ส่วนอีกประเภทที่กำลังมาแรงคือประเภทที่ใช้ซางตะเกียบสองขนาด (ขนาดที่โคนตะเกียบโต 1.5 นิ้ว แล้วคอดเล็กลงจนเหลือ 1.125 นิ้ว) ซึ่งจากการประสบความสำเร็จของ Trek และ Specialized ในการได้รับชัยชนะในการแข่งขัน Tour De France ในปี 2009 และปี 2010 ก็ทำให้ค่ายอื่น ๆ เริ่มที่จะเปลี่ยนมาใช้ระบบซางตะเกียบแบบนี้ [เสือหมอบ Rode Bike]
          ส่วนในรถ Time Trial นั้นทุกยี่ห้อต่างเปลี่ยนไปใช้ระบบตะเกียบแบบบานพับเป็นส่วนใหญ่ แทบจะเป็นกระแสนิยมของรถประเภทนี้แล้ว ส่วนเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหาสำหรับท่านที่จะประกอบจักรยานก็คือ มาตรฐานของกะโหลกของเสือหมอบนับวันยิ่งจะมีมากหมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกะโหลกอังกฤษ กะโหลก BB90 กะโหลก BB30 ยังไม่นับรวมกับมาตรฐานกระโหลกอิตาลี ซึ่งท่านผู้ใช้ก็ต้องศึกษาข้อมูลของระบบกะโหลกในตัวถังและขนาดของกะโหลกที่ขาจานให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ติดตั้งใช้งานได้อย่างลงตัว ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะปวดกะโหลกของท่านเองได้
          สำหรับระบบเกียร์ของเสือหมอบในปีหน้าคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากปีนี้มากนัก Shimano เองยังคงเป็นผู้นำทางด้านการตลาดจากการผลิตชุดเกียร์ไฟฟ้า DI2 ออกมาจำหน่ายแต่เพียงเจ้าเดียวส่วน Campagnolo เองก็ชูจุดเด่นที่ระบบเกียร์ 11 สปีด ส่วนน้องใหม่อะไหล่เสือหมอบอย่าง Sram ก็ยังคงร้อนแรงแซงรุ่นพี่ จากการคว้าชัยชนะในการแข่งขัน TDF ติดต่อกันสองปี
          ส่วนเรื่องของวัสดุผลิตตัวถัง เดี๋ยวนี้หันไปทางไหนทุกค่ายก็ใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาผลิตตัวถังกันหมดแล้ว ซึ่งก็มีให้เลือกหลายระดับราคาตั้งแต่ราคาหลักหมื่นจนถึงระดับราคาเกินแสน แทบจะเรียกได้ว่าตัวถังอลูมินั่มมีให้เลือกใช้งานกันน้อยลงเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ Litespeed ผู้ผลิตตัวถังเสือหมอบโดยใช้ไทเทเนียมอันเลื่องชื่อ ก็ยังต้องหันมาออกผลิตภัณฑ์ตัวถังเสือหมอบคาร์บอนไฟเบอร์ตามกระแสนิยมเหมือนกัน แต่ก็ยังคงผลิตตัวถังเสือหมอบไทเทเนี่ยมควบคู่กันไปด้วย พูดถึงคาร์บอนไฟเบอร์แล้วก็ชวนให้นึกถึงว่าเมื่อไรจะมีโซ่จักรยานที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ซักที เพราะแทบทุกชิ้นส่วนในจักรยานเสือหมอบก็มีอะไหล่ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์กันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวงล้อ ซี่ เฟืองหลัง จานหน้า เบา คอแฮนด์ และอื่น ๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจจะได้เห็นโซ่จักรยานที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์กันก็ได้
           ในส่วนเรื่องยางเสือหมอบ แต่เดิมนั้นมีให้เลือกใช้แค่ยางอาร์ฟกับยางงัด กระแสในปีหน้าก็เริ่มมีผู้ผลิต ผลิตยางจักยานเสือหมอบแบบ Tubeless ออกวางจำหน่ายหลายราย หลังจากที่ Hutchinson ผู้ผลิตจากฝรั่งเศสได้เปิดตัวยางเสือหมอบแบบ Tubeless ก่อนหน้านี้ ในวงการเสือหมอบผู้ขี่ส่วนใหญ่ อาจจะนิยมใช้ชุดล้อสำเร็จรูป แต่ก็มีบางส่วนใช้ชุดล้อประกอบเอง ซึ่งในปีหน้า Chris King ผู้ผลิตอะไหล่ ดุมล้อและถ้วยคอชื่อดังจากอเมริกา ก็ได้เปิดตัวดุมล้อเสือหมอบรุ่นใหม่ ที่มีน้ำหนักเบาขึ้นแต่ยังคงประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของชุดลูกปืนยาวนาน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับท่านนักปั่นที่ชอบความแตกต่างได้เลือกใช้
           ในเรื่องของวงล้อ ปัจจุบันมีชุดล้อสำเร็จรูปให้เลือกใช้งานกันมากมายหลายรุ่นและหลายขนาดความสูงของขอบล้อ ไม่ว่าจะเป็น Zipp Mavic Shimano หรือยี่ห้ออื่น ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อดีให้กับผู้บริโภคที่ได้มีโอกาสเลือกใช้สินค้าได้หลายหลาย แต่สำหรับจักรยานที่ดูแปลกแหวกแนวกว่าผู้ผลิตรายอื่น ๆ ก็ต้องยกให้จักรยาน Boo ที่ตัวถังผลิตจากไม้ไผ่ โดยใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นตัวเชื่อม ซึ่งก็สามารถใช้งานได้จริง เพียงแต่ว่าอายุความทนทานของไม้ไผ่นั้นจะยาวนานแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ [เสือหมอบ Rode Bike]

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง