ss

30 ก.ย. 2554

Cannondale JekyII สุดยอดแห่งการสร้างสรรค์

|0 ความคิดเห็น

ทุก ๆ ปีจักรยานเสือภูเขาได้ถูกพัฒนาทั้งในด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับใช้ให้รองรับได้กับทุกสถานการณ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Cannondale JekyII ตัวใหม่ล่าสุดที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมของวงการ และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ที่จะตามมา

จักรยานเสือภูเขาทั้งหลายโดยทั่ว ๆ ไป ต่างก็มีความสามารถในการขี่ได้ในแบจะสุกสภาพของพื้นที่ อย่างในด้านการทำงานของโช้คนั้น จักรยานเสือภูเขาทั้งหลายก็จะทำได้ตั้งแต่ 5.5 ถึง 6.3 นิ้ว ทั้งช่วงหน้าและหลังในทางเรียบ และในการไต่ขึ้นที่ลาดชันอย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพ โดยยังผ่อนแรงให้เราในขาลง แต่ข้อจำกัดต่าง ๆ ในการออกแบบ และเทคโนโลยีของโช้คมันย่อมมีทางออกใหม่ของการผสมผสานนวัตกรรม เพื่อให้ได้จักรยานเสือภูเขาที่สามารถไต่ขึ้นทางชันได้อย่างพวก Cross Country แล้วก็สามารถดิ่งลงทางชั้นแบบฮาร์ดคอร์เหมือนพวกจักรยานดาวน์ฮิลล์

ด้วยการทุ่มทุนอย่างมหาศาลเพื่อการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Cannondale จึงครองความเป็นผู้นำของวงการมาโดยตลอด โดยย้อนไปเมื่อประมาณสองปีก่อน Cannondale ได้เริ่มโครงการเสือภูเขาประเภท All-Mountain เพื่อที่จะสร้างบางอย่างที่แตกต่าง  “เราอยากจะได้จักรยานสักคัน ที่เป็นเหมือนสองสิ่งในร่างเดียว  แรงบันดาลใจนี้ ที่จริงเคยเป็นสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับว่ามันจะทำได้มาก่อนด้วยซ้ำ” Murray Washburn ผู้อำนวยการการตลาดสากลของ Cannondale ได้กล่าวถึงที่มาของ JekyII พร้อมยังบอกอีกว่า “เราต้องการจะขี่เสือภูเขาที่มีช่วงยุบน้อย ๆ แบบรถครอสฯ ในชุดป้องกันเต็มรูปแบบทั้งหมวก Full Face และชุดเกราะแบบเต็มตัว” และนั้นก็คือจุดกำเนิดของเจ้า JekyII สุดยอดนวัตกรรม
JekyII and Hyde สองร่างในหนึ่งเดียว

การจะสร้างจักรยานที่ตะลุยไปได้ทุกพื้นที่โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก Cannondale รู้ดีว่าโช้คหลังแบบทั่วไปไม่สามารถตอบโจทย์ได้ ดังนั้นจึงได้ร่วมมือกับ Fox เพื่อที่จะสร้าง Fox DYAD RT2 ในขณะเดียวกันทั้งโช้คและตัวถังก็ได้ถูกออกแบบเพื่อที่สัดส่วนของการเคลื่อนไหวของตัวโช้คจะได้สัมพันธ์กันอย่างเต็มที่ในสภาวะที่โช้คยุบตัวลง

DYAD RT2 เป็นโช้คที่ทำงานเสมือนกับมีโช้คสองตัว แต่ละส่วนจะให้การเคลื่อนไหวที่ต่างกันทั้งอัตราการยุบตัว และยืด ซึ่งสิ่งที่ว่านี้ได้รวมกันอยู่ภายใจตัวโช้คเพียงหนึ่งเดียว ว่ากันโดยทฤษฎีแล้วในบางจุดเจ้า DYAD RT2 นี้ก็มีความคล้ายกับค่ายอื่น ๆ ในเรื่องการปรับสมดุลของการเคลื่อนตัว แต่ในข้อนี้ ทาง Cannondale ได้แย้งว่า เทคโนโลยีที่ทาง Fox คิดค้นขึ้นมานั้น สามารถแยกการทำงานดังกล่าวของโช้คแบบ Two in One ออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด และได้จดสิทธิบัตรเอาไว้แล้วด้วย ภายในโช้คตัวดึงที่แข็งแกร่งซึ่งติดตั้งด้วยวงจรควบคุมการยุบตัว โดยมี Positive Air Chambers สองห้อง ซึ่งอันหนึ่งมีขนาดใหญ่ กว่าอีกอัน พร้อมทั้งมี Negative Air Chanbers เพียงหนึ่งห้องทั้งหมดนี้เชื่อมติดกันกับแกนหลังซึ่งติดตั้งวาวล์ ที่ให้ผู้ขี่สามารถควบคุมสลับเปลี่ยนตามสภาพการขี่

ความสะดวกง่ายดายในการเปลี่ยนโหมดควบคุมนี้มาจากเจ้า Bar-mounted lever ที่ทำให้ผู้ขี่หลุดพ้นจากข้อจำกัด ที่ทาง Cannondale เรียกมันว่า “ความสามารถในการปรับระดับความสูงเชิงเรขาคณิต (Altude Adjustable Geometry) โดยที่โหมดช่วงยกตัวได้ถูกออกแบบมาเพื่อการไต่ขึ้นทางชันนั้นใช้ระยะการเคลื่อนตัวเพียง 90 มม. (3.5 นิ้ว) เท่านั้น ด้วยอัตราการสปริงตัวที่เพิ่มขึ้น cross-country โดยที่ Postive Air Chanbers เพียงห้องเดียวที่ถูกใช้ และ sag จะถูกตัดเหลือ 40% ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในสภาวะการไต่ขึ้น แต่ในช่วงการขับขี่ Downhill เราก็เปลี่ยนมาเลือกโหมด Flow ซึ่ง Positive Air Chanbers ก็จะทำงานทั้งสองส่วนช่วยปรับสมดุลให้ด้านหน้ารถยกสูงขึ้น ขณะที่ด้านท้ายต่ำลง ส่งผลให้การ Dowhill เป็นไปอย่างมั่นใจ

21 ก.ย. 2554

Schwinn ได้เปิดตัวจักรยาน Fixed Gear ปี 2012 จำนวน 3 รุ่น

|0 ความคิดเห็น

Schwinn ได้เปิดตัวจักรยาน 2012 Fixed Gear(ฟิกซ์เกียร์) แบรนด์อเมริกาสำหรับท่านที่ชื่นชอบให้ได้เป็นเจ้าของในคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคา รับประกันตัวถัง มีทั้งหมดด้วยกัน 3 รุ่น สามารถเลือกขนาดได้ 2 ขนาด คือ ไซส์ 50 ซม.และ 52 ซม.

     · 2012 Schwinn รุ่น Racer
ตัวถัง: Schwinn Hi-Ten Track Stell Frame&Fork for a durable and stylish ride
ระบบขับเคลื่อน: 46x18t singlespeed drivetrain with coaster brake for a simple ride
อานนั่ง: Schwinn Track Saddle and Phantom
ปลอกมือ: For comfort and style

     · 2012 Schwinn รุ่น Cutter
ตัวถัง: Schwinn Hi-Ten Track Steel Frame&Chromoly
ตะเกียบ: Hi-Ten for a durable and stylish ride
ระบบขับเคลื่อน: 46x18t singlespeed drivetrain
ดุมหลัง: Flip-Flop rear hob that makes it easy to switch from fixed to freewheel
อานนั่ง: Schwinn Track Sadlde and Phantom
ปลอกมือ: For comfort and style

     · 2012 Schwinn รุ่น Madison
ตัวถังและตะเกียบ: Schwinn Chromoly Track Steel for a lightweight and efficient ride with plenty of style
ระบบขับเคลื่อน: 46x18t singlespeed drivetrain
ดุมหลัง: Flip-Flop rear hub that makes it easy to switch from fixed to freewheel
อานนั่ง: Schwinn Track Saddle and Phantom
ปลอกมือ: For comfort and extra style





ทำอย่างไรเมื่อปั่นทางไกลแล้วเกิดอาการเจ็บก้น ? ตอนที่ 2 (จบ)

|0 ความคิดเห็น
กระนั้นวิธีเพื่อบรรเทาอาการเจ็บก้นจากการขี่จักรยานก็ยังมีวิธีอื่น ๆ ตามที่นายแพยท์อาร์นี่ เบเคอร์ เคยใช้มาแล้วคือการเปลี่ยนวิธีการซ้อมเพื่อให้ยังฟิตอยู่ได้ ขณะเดียวกันก็จำกัดความเจ็บปวดไม่ให้เพิ่มมากกว่าเดิม ด้วยวิธีการสลับกับการซ้อมทางเรียบด้วยการปั่นขึ้นเขาหรือเนินเส้นยาว ๆ หรือทำอินเทอร์วัลช่วงขึ้นเขาด้วยการลุกจากอานเกือบตลอดเวลา ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอาการปวดบรรเทาและตัวเองแข็งแรงพอที่จะกลับมานั่นอานปั่นจักรยานได้ตามเดิม

อาการเจ็บก้นขั้นรุนแรงอาจทำให้คุณต้องลดระยะทางซ้อมลง หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการขี่จักรยาน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจ็บก้นเรื้อรังก็เปลี่ยนวิธีการซ้อม โดยยังซ้อมต่อเนื่องอยู่แต่เปลี่ยนท่าทางการขี่ให้เป็นลุกขึ้นยืนเป็นช่วง ๆ สลับการปั่นทางเรียบกับการปั่นขึ้นเนิน เพื่อให้ได้ยื่นโยกบ้างแรงกดดันที่อานจะได้น้อยลง ทำอินเทอร์วัลช่วงขึ้นเขา แต่เทคนิคนี้อาจจะใช้การไม่ได้ถ้าเกิดปวดก้นขึ้นระหว่างการขี่จักรยานแข่งช่วงหลาย ๆ วัน วิธีแก้ง่าย ๆ ก็คือการตัดแผ่นหนังหรือฟองน้ำเป็นวงมาครอบตรงที่ปวดไว้เพื่อให้ตำแหน่งที่ปวดอยู่ระหว่างช่องว่าง เมื่อแรงกดดันหายไปเนื้อตรงนั้นจะมีเลือดไหลมาเลี้ยงได้คล่องกว่าเดิม แล้วคุณจะทาบริเวณที่เจ็บปวดด้วยขี้ผึ้งบรรเทาปวดหรือ Bag Balm ก็ได้

อีกวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและใช้ค่อนข้างได้ผลคือการเลื่อนตำแหน่งอานไปข้างหน้าหรือหลัง เพื่อให้ตำแหน่งการวางตัวเปลี่ยนไปและจะทำให้เปลี่ยนตำแหน่งรับแรงกดดันเปลี่ยนไปด้วย ทำนอนเดียวกันการเฉลี่ยแรงดันผิวหนังไปยังบริเวณอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยได้รับผลกระทบ หรือถ้าจะให้ง่ายยิ่งกว่านั้นก็คือต้องเสริมฟองน้ำในกางเกงขี่จักรยานให้หนาขึ้น มีทั้งแบบกางเกงหนาสำเร็จหรือเป็นชั้นในมาใส่ซ้อนกัน บางวิธีที่ใช้ได้ผลสำหรับนักจักรยานทางไกลเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาคือการแทรกแผ่นเนื้อวัวสด ๆ เข้าระหว่างผิวหนังตัวเองกับชั้นรองในกางเกงขี่จักรยาน ฟังดูแล้วอาจจะน่าคลื่นเหียนอยู่สักหน่อยแต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผล ในการแข่งขันจักรยานทางไกล ปารีส-เบรสต์-ปารีส เมื่อปี 1999 มีคนทำวิธีอย่างที่ว่านี้จริง ๆ ด้วยการใช้แผ่นแฮมรองระหว่างก้นกับหนังรองก้นกางเกงขี่จักรยาน

ทั้งหมดนี้คือวิธีการรักษาและบรรเทาอาการเจ็บก้นด้วยตนเอง ทั้งด้วยวิธีการทางการแพทย์และแบบที่บอกต่อ ๆ กันมา เมื่อเจ็บก้นจึงควรลองวิธีง่าย ๆ พวกนี้ก่อนถ้าคุณมีเวลา แต่ถ้าไม่มีเวลาและต้องการการรักษาที่เฉียบขาด แน่นอนว่าแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะช่วยได้มากกว่า ทั้งด้วยการรักษาแบบใช้และไม่ใช้ยา หมออาจจะจ่ายยารับประทานและยาทาให้หรืออาจมีคำแนะนำอื่น  ยิ่งถ้าเป็นหมอที่มีความรู้เรื่องเวชศาสตร์การกีฬาด้วยแล้ว จะรักษาได้เร็วและตรงจุดกว่า

บทความที่เกี่ยวข้อง:

>> ทำอย่างไรเมื่อปั่นทางไกลแล้วเกิดอาการเจ็บก้น ? ตอนที่ 1


ทำอย่างไรเมื่อปั่นทางไกลแล้วเกิดอาการเจ็บก้น ? ตอนที่ 1

|0 ความคิดเห็น
การขี่จักรยานทางไกลคือกิจกรรมที่ต้องนั่งอยู่กับที่ตลอดเวลา อย่างน้อยก็สองชั่วโมง น้ำหนักตัวที่กดทับลงบนอาจจะส่งผลต่อเส้นประสาท ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้กางเกงขี่จักรยานจึงต้องมีหนังและฟองน้ำรองเพื่อลดแรงกดดัน ถ้าคุณอยากรู้ว่าแรงกดดันที่ว่านี้รุนแรงแค่ไหนก็จงทดลองขี่จักรยานด้วยกางเกงธรรมดาดู จะรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าขี่ได้ไม่ถึง 2 กม. คุณจะรู้สึกเจ็บก้นและทรมานจนแทบไม่อยากขี่ต่อไปอีก แต่ในการขี่จักรยานทางไกลทีละ 100 -200 กม. ขึ้นไปนั้นก้นของคุณจะต้องถูกน้ำหนักตัวกดทับอย่างน้อยก็สามชั่วโมงขึ้นไป แม้จะใช้กางเกงขี่จักรยานที่ว่าแพงและดีแล้วก็ยังเจ็บอยู่ดี

กางเกงขี่จักรยานดี ๆ นั้นแท้จริงแล้วทำได้แค่บรรเทาอาการเจ็บได้เท่านั้น ไม่ได้ป้องกัน คุณจากความเจ็บปวดเพราะน้ำหนักกดทับเลยเมื่อปั่นไกล ถึงจะลุกจากอานบ้างเป็นครั้งคราวระยะเวลาที่ใช้ก็คือตัวการสำคัญที่ยังทำให้คุณเจ็บก้นอยู่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีบรรเทาความเจ็บปวด ลองมาดูกันว่าอาการของคุณเป็นอย่างไรและมีวิธีการแก้ไขอย่างไรให้หนักกลายเป็นเบา

ข้อแรกคืออย่าปฏิบัติกับร่องรอยคามเจ็บปวดตรงนั้นเหมือนรอยฟกช้ำธรรมดา แล้วทาด้วยขี่ผึ้งบรรเทาปวด การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้จริง แต่จริง ๆ แล้วตัวยาพวกนี้ไม่ได้ป้องกันแบคทีเรียที่สะสมหมักหมมอยู่บริเวณแผลเลย ทางที่ถูกคือต้องล้างบาดแผลหรือรอยพกช้ำตรงนั้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อวันละสามครั้งแล้วปล่อยมันไว้เฉย ๆ โดยไม่ต้องปิดพลาสเตอร์หรือผ้ากอชเทคนิคนี้มีนักจักรยานทางไกลระดับ เรซ อครอส อเมริกาใช้กันมาก เช่น เอ็ด พาเวลกา และ เฟรด มาเธนี ตัวยาที่ทั้งคู่แนะนำคือ Erythromycin Topical Gel ซึ่งคุณเองก็สามารถนำตัวยานี้ไปบอกเภสัชกรในร้านขายยาได้ หากไม่มีชื่อทางการค้าที่ตรงกันก็น่าจะมีตัวยาที่สารเคมีดังกล่าว ยานี้จะได้ผลเมื่อใช้กับร่องรอยสดๆ มันต่างจากเจลบรรเทาอาการฟกช้ำตรงที่เมื่อทาไปแล้วจะแห้งสนิทภายในไม่กี่วินาที เมื่อแห้งไม่เหนอะหนะก็ไม่เป็นที่อยู่ของแบคทีเรีย ทาเสร็จแล้วก็นุ่งกางเกงในสะอาดทับได้ทันที

ถ้ารอยปวดนั้นดูคล้ายคลึงกับแผลพอง การอาบน้ำอุ่นวันละสามครั้ง ครั้งละ 15 ถึง 20 นาที ก็ช่วยได้เพราะความอุ่นของน้ำที่กระจายไปทั่วตัวจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าไปในบริเวณนั้น การมีเลือดไหลเวียนไปในบริเวณที่ต้องการจะช่วยลดความปวดแสบปวดร้อนลงได้ สำหรับอาการเจ็บปวดเรื้อรังสามารถช่วยได้ด้วยขี้ผึ้งบรรเทาปวด (Drawing salve) ที่มีคุณสมบัติลดอาการปวด ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความเหมาะสมและเพื่อทราบคุณสมบัติที่แท้จริง เมื่อได้ตัวยาแล้วให้ทาลงตรงบาดแผลหรือบริเวณที่เจ็บปวดแล้วปิดทับด้วยพลาสเตอร์ แล้วอาการเจ็บปวดจะบรรเทาลงภายในไม่กี่วัน นอกจากจะใช้ครีมนี้เพียงอย่างเดียวแล้วยังสามารถใช้มันควบคู่ไปกับตัวยาอีกตัวคือ Boil Ease ที่มีตัวยาบรรเทาปวดผสมอยู่ด้วย ตัวยานี้จะลดความเจ็บปวดและอึดอัดลงได้มากพอให้คุณขี่จักรยานต่อไปได้

ตัวยาอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ได้ผลคือ Bag Balm ที่ใช้ได้ดีในบริเวณ ที่เสียดสีซึ่งมีขายในร้ายขายยาทั่วไป ใช้ได้ดีในการลดอาการระคายเคืองจากการเสียดสีในบริเวณต่าง ๆ เช่น ขาหนีบ เป็นต้น ถ้าใช้ตัวยานี้หลังการอาบน้ำก็จะทำให้อาการปวดแสบหายไปเมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ข้อควรระวังก็คือมันอาจจะก่อเกิดอาการแพ้ได้กับคนบางคน การใช้จึงควรเริ่มที่ปริมาณน้อย ๆ ก่อนถ้าคุณไม่เคยใช้ยาตัวนี้มาก่อนเลย ที่น่าประหลาดใจคือ Bag Balm ตัวนี้ มีขายที่คลินิกสัตวแพทย์ด้วยเพราะต้นกำเนิดของมันคือครีมทาอัณฑะสัตว์ เช่น วัว เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองจากการกวัดแกว่งและเสียดสีกับสิ่งต่าง ๆ 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

>> ทำอย่างไรเมื่อปั่นทางไกลแล้วเกิดอาการเจ็บก้น ? ตอนที่ 2 (จบ)

มาทำความรู้จักกับระบบเกียร์กันดีกว่า ตอนที่ 4

|0 ความคิดเห็น
4. ตีนผี (Rear derailleur)

ตีนผีจะทำหน้าที่เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลัง โดยอาศัยการดึงของสายเกียร์ในการเปลี่ยนเกียร์จากเฟืองตัวเล็กขึ้น ไปสู่เฟืองตัวใหญ่และอาศัยแรงดีดกลับของสปริงในตีนผีในการเปลี่ยนเกียร์จากเฟืองตัวใหญ่ลงไปสู่เฟืองตัวเล็ก (ในตีนผีรุ่น Reverse หรือ RapidRise ของ Shimano XTR จะทำงานตรงกันข้ามกับตีนผีทั่วไป)
  
· เฟืองจ๊อกกี้ (guide pulley) จะทำหน้าที่ในการดันโซ่ให้เปลี่ยนตำแหน่ง
· เฟือง tension pulley จะเป็นตัวดึงให้แนวโซ่ด้านล่างตึงอยู่ตลอดเวลา
· สกรูว์ตัว L และ H จะทำหน้าทีจำกัดระยะของตีนผี
· B-tension screw จะเป็นตัวตั้งความแข็งของสปริงที่จะดันให้ชาของตีนผีขยับออกมาจากเฟรม
· Fine-adjusting knob เป็นตัวปรับเร่งความตึงของสายเกียร์ ซึ่งจะปรับได้ค่อนข้างละเอียดกว่าที่ shifter การจะเลือกตีนผีมาใช้งาน มีสิ่งที่ต้องคิดหลายอย่างเช่นกัน
· ขนาดเฟืองหลังที่ใหญ่ที่สุด และเล็กที่สุดที่ตีนผีรุ่นนั้นจะทำงานได้
· จำนวนเฟืองหลังที่เหมาะสมกับตีนผีนั้น ๆ เช่น ตีนผีสำหรับเฟืองหลัง 7 ชั้น จะใช้งานได้ไม่ดีหรือไม่ได้กับเฟืองหลัง 8 หรือ 9 ชั้น
· Shifter ที่ทำงานเข้ากัน (compatible) โดยทั่วไปมักจะใช้ด้วยกันได้หมด
· ยกเว้นตีนผี SRAM ตระกูล ESP ต้องใช้กับ grip shift  ตระกูล ESP เท่านั้น

5. ชุดใบจานหน้า (Chain rings)  ใบจนหน้าในปัจจุบันจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

     · ใบจานหน้าของระบบเฟืองหลัง 7 สปีด
     · ใบจานหน้าของระบบเฟืองหลัง 8 สปีด
     · ใบจานหน้าของระบบเฟืองหลัง 9 สปีด

ในแต่ละกลุ่มไม่ควรจะนำมาใช้แทนกัน เนื่องจากมีลักษณะปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของโซ่ที่ใช้ หากใช้ผิดระบบจะมีผลต่อความราบรื่นของการทำงาน รวมไปถึงอายุการใช้งานของโซ่ โดยทั่วไปแล้วเสือภูเขาจะมีจำนวนจานหน้า 3 ใบ ซึ่งผู้ผลิตใบจานต่างพยายามพัฒนาให้ชุดจานหน้าสามารถทำงานได้ดีและราบรื่น โดยเฉพาะการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จานหน้า โดยเพิ่มหมุดวิดโซ่ที่ขอบด้านในของใบจานกลางและใบจานใหญ่ ทาง Shimano เป็นผู้ผลิตที่พัฒนาหมุดวิดโซ่นี้เป็นรายแรก ๆ รวมไปถึงได้ปรับปรุงให้ทำงานได้ราบร่นที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น ๆ โดยตั้งชื่อว่าระบบ Hyperdrive  ใบจานหน้าจะถูกยึดกับขาจานด้วยสกรูว์และน๊อตพิเศษ รูยึดใบจานอาจจะมี 4 หรือ 5 รู ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต แต่จะแบ่งมาตรฐานเป็น 2 แบบเหมือนกันคือ

1. Compact 
- ชนิด 5 รู มีระยะจากจุดศูนย์กลางของรูใบจานใบใหญ่และใบกลางเป็นถึงจุดศูนย์กลางของกะโหลก 94 มม. และระยะจากจุดศูนย์กลางของรูใบจานเล็กกับจุดศูนย์กลายของกะโหลก 58 มม.ซึ่งเราจะเรียกว่า 94/58 มม.
- ชนิด 4 รู มีขนาด 104/64 มม.

            2. Standard
                - ชนิด 5 รู มีขนาด 110/74 มม.
                - ชนิด 4 รู มีขนาด 112/68 มม.

6. ชุดเฟืองหลัง (Cog set)

ชุดเฟืองหลังโดยทั่วไปจะมีอยู่ตั้งแต่ 7,8,9 ชั้น (สำหรับเฟืองหลัง 10 ชั้นนั้นได้ถูกผลิตขึ้นมาใช้ในชุดแข่งขัน ซึ่งยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก) เฟืองแต่ละชุดจะมีความแตกต่างกันและไม่อาจนำมาใช้ทดแทนกันได้ (ยกเว้นจะเปลี่ยนอุปกรณ์ในระบบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด)

      ·   ชุดเฟือง 7 ชั้น ซึ่งปัจจุบันจะมีใช้ในระบบเกียร์รุ่นล่างสุด และกำลังเสื่อมความนิยมลง เพราะระบบเกียร์ที่ถูกผลิตออกสู่ตลาดในปัจจุบันเป็นชุด 8 และ 9 ชั้นเป็นส่วนใหญ่ ระยะห่างระหว่างเฟืองใบใหญ่สุดกับเฟืองใบเล็กสุดของระบบเฟือง 7 ชั้นจะมีระยะน้อยกว่าของระบบ 8,9 ชั้น ทำให้ต้องใช้กับดุมหลัง (Free wheel hub) เฉพาะรุ่นที่ทำมาเฉพาะเฟือง  7 ชั้นเท่านั้น
·    ชุดเฟือง 8 ชั้น เป็นระบบที่ยังได้รับความนิยมอยู่และยังถูกผลิตออกมาจำหน่ายในรุ่นล่างถึงรุ่นกลาง
·    ชุดเฟือง 9 ชั้น เป็นระบบที่ทาง Shimano เริ่มผลิตออกมาจำหน่ายในปี คศ.1999 หลังจากประสบความสำเร็จกับจักรยานถนนมาก่อน ชุดเฟือง 9 ชั้นจะมีระยะห่างระหว่างเฟืองใหญ่สุดกับเฟืองเล็กสุดเท่ากันกับชุดเฟือง 8 ชั้น จึงทำให้สามารถใช้ดุมหลังร่วมกันได้ แต่เนื่องจากระยะห่างดังกล่าวเท่ากันจึงทำให้เฟือง 9 ชั้นต้องมีระยะช่องไฟระหว่างเฟืองแคบกว่า และเฟืองมีความหนาน้อยกว่าระบบเฟือง 8 ชั้น จึงทำให้ต้องใช้โซ่ที่มีความบางกว่าด้วย

7. โซ่ (Chain)

โซ่รถจักรยานถูกออกแบบมาโดยขึ้นกับลักษณะของชุดเฟืองและใบจาน โดยทั่วไปแล้วโซ่ของระบบเฟือง 7 กับ 8 ชั้นนั้น พอจะใช้ทดแทนกันได้ แต่กรณีสำหรับโซ่ของเฟือง 9 ชั้นจะแปลกแยกออกไปเนื่องจากความแตกต่างของความหนาและระยะช่องไฟของเฟืองหลัง ทำให้โซ่ของระบบเฟือง 9 ชั้น มีความบางกว่าของระบบ 8 ชั้นประมาณ 0.6 มม.



19 ก.ย. 2554

Bike Test: SPECIALIZED VENGE S-WORKS

|0 ความคิดเห็น
หลังจากจบการแข่งขัน Tour de Fracne ปุ๊ปเราก็ได้เห็นเจ้า Venge ตัวเป็น ๆ ถึงแม้จะไม่ใช่รุ่นเดียวกับที่ Mark Cavendish ในทีม HTC-Highrode แต่ก็คือโมเดลเดียวกันเลยครับ Venge ได้แรงบันดาลใจในหลักอากาศพลศาสตร์จากรุ่นใหญ่อย่าง Shiv นอกจากนั้นการปรับตำแหน่งท่อบนให้ยาวขึ้นและกะโหลกใหญ่อันทรงพลัง ในขณะที่น้ำหนักเฟรมเปล่าไม่ถึง 950 g เนื่องจากเฟรมผลิตจากคาร์บอน S-work Fact is 11r ข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตบอกว่า Measured 22 watt of Free at 40km/h during closed tack when compared to Tarmac SI3 เห็นได้ชัดว่ารถจักรยานคันนี้มีขุมพลังที่ซ่อนไว้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยที่เดียว ส่วนตะเกียบหน้า S-work Fact Carbon Full-moncoque OS race ที่มีขนาด 1-3/8” ฐานล่างมั่นคง รองรับการกระชากที่รุนแรง ระบบถ้วยคอฝัง Integrated Top cap ขนาด 1-1/8”, 1-3/8” หลักอาน 3:1 Bladed carbon รูปทรงแอร์โรไดนามิก นอกจากสมรรถนะที่มองจากรูปร่างแล้ว การเก็บรายละเอียดของเฟรมก็ไม่เบาเลย ระบบสายเบรกและสายเกียร์ถูกเก็บเข้าไปในเฟรมอย่างเรียบร้อย รองรับการใช้งานในระบบ Di2 ของ Shimano สีสันของเฟรม แดง ดำ ขาว เอกลักษณ์เฉพาะของ Specialized ที่สามารถมองครั้งเดียวก็รู้เลยว่าเป็นยี่ห้ออะไร 

เจ้า Specialized Venge คันนี้เป็น Size 52 ซึ่งมี Top tube 53.7 จะสังเกตเห็นได้ว่ารถในยุคปี 2011-2012 จะค่อย ๆ ขยับความยาวของท่อบนออกไป โดยเฉพาะรถที่เด่นในทางราบ คันนี้ถูก set ไว้ลงตัวสำหรับผู้ทดสอบ เราพาเจ้า Specialized Venge ไปหาสถานที่เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบของรถและแนวทางในการทดสอบ จังหวัดชลบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เขาชีโอน/เขาชีจรรย์/ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค  คือสถานที่ทดสอบในครั้งนี้ เมื่อทุกอย่างลงตัว แบบทดสอบแรกก็เริ่มขึ้น


ทางราบเรียบ

เจ้า Venge เปรียบเทียบรถ F1 หรือ Formula 1 ทำให้สัมผัสแรกที่ขึ้นไปยืนคร่อม เหมือนกับว่ารถมันพร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้า ท่อบนยาว หน้าต่ำ ทำให้มุมจับที่ชิปเตอร์ยืดแขนตึงมือได้พอดี เบาะ Specialized tope 143 ปรับตำแหน่งนั่ง แล้วให้ความรู้สึกไม่แข็งกระด้างมากนัก ทดสอบการทำงานและ Rotor กับ Di2 กันต่อเมื่อรถวิ่งออกไปด้านหน้าผู้ทดสอบกดเกียร์ขึ้นใบจานใหญ่ 53x39 การขึ้นเกียร์เรียบเนียน อย่างน่าแปลกใจ อีกทั้งตัวสับจานมีการปรับระยะห่างของใบจานให้อัตโนมัติ ในเกียร์ที่ใกล้กับใบจานมากที่สุด ไม่ว่าจะสับลงใบเล็ก หรือขึ้นจานใหญ่ก็สมูทดีครับ “จับบาร์บน” ให้ความรู้สึกถึงองศาความชันของรถทิ้งมาด้านหน้า และเมื่อจับ “บาร์ล่าง” การก้มลงไปจับก็ทำได้กระชับมือ ไม่เอื้อม หรือเหนี่ยวรั้งเป้า แต่กับทำมุมท่านั่งในทรงแอร์โร่ ได้เป็นอย่างดี ผู้ทดสอบค่อย ๆ เร่งความเร็วในลักษณะการจับทั้ง 2 รูปแบบ รถคันนี้ไม่จี๊ดจ๊าดในความเร็วรอบต่ำครับ ซึ่งทาง Specialized ก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้า Venge มีแนวคิดและถอดแบบมาจากเจ้า Shiv แบบฉบับของรถ Time Trials แต่เมื่อเราเร่งความเร็วมาอยู่ที่ย่านความเร็ว 35-40 เจ้า Venge ก็แสดงอารมณ์คึกคักเหมือนกำลังจะบอกกับเราว่า พร้อมแล้วสำหรับการเร่งความเร็วที่มากกว่านี้ ไม่รอช้าผู้ทดสอบเพิ่มความเร็วไปอยู่ในย่าน 40-45 แต่ดูม้าศึกตัวนี้ยังไม่หยุดที่จะคึกคักเอาซะแล้ว เห็นได้ชัดว่าขนาดเราเลือกใช้ล้อขอบต่ำในการทดสอบในแบบทางราบ รถก็สามารถวิ่งไดดีเยี่ยมเหมือนรอการพิสูจน์ในตอนท้ายสุดของการทดสอบครั้งนี้
ทางราบเรียบ/ขึ้นเขา/ลงเขา

การตอบโจทย์ยังไม่จบครับ การพิสูจน์ Venge ยังคงดำเนินต่อ เรารู้แล้วว่ารถคันนี้ปั่นทางราบได้ดี และดีมาก ๆ ซะด้วย แล้วถ้าเป็นทางขึ้นเขาลงเขาล่ะ รถคันนี้จะเป็นอย่างไร?

เราเลือกใช้ความชันระดับ 5-10% ในการทดสอบครั้งนี้ อัตราเร่งในความชันระดับนี้ไม่ได้ทำให้เจ้า Venge สูญเสียกำลังปั่นเลย จะนั่งหรือจะยืนปั่นก็ยังสามารถทำความเร็วได้ติดเท้า สำหรับการลงเขานั้น ผู้ทดสอบใช้ความเร็วในการทดสอบลงเขาเกินกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง แม้จะอันตรายสำหรับการบังคับเลี้ยวแต่เราก็ได้เห็นประสิทธิภาพรถคันนี้อย่างแท้จริง รถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสปริ้นท์อย่าง Venge ไม่มีข้อกังขาหรือข้องสงสัยหลังจากทดสอบเสร็จสิ้น การทำความเร็วสูงสุดสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด ขึ้นอยู่กับตัวผู้ปั่นเองว่าจะสามารถออกแรงระเบิดเจ้า Venge ทะยานไปสู่จุดหมายได้เพียงใด

สรุป

Specialized Venge สามารตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการความเร็วแบบถึงใจ และสามารถไปได้ทุกเส้นทาง โดยอาศัยหลักอากาศพลศาสตร์เป็นจุดเด่น ที่มีอยู่ในรถคันนี้ รวมไปถึงตัวแทนนำเข้าที่มั่นใจได้ในคุณภาพของสินค้า การลงทุนที่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่คุ้มเงิน รอการพิสูจน์จากท่านผู้อ่านทุกท่านครับ...

ที่มา: ทดสอบจักรยานโดยนิตยสาร RACE BICYCLE

เจาะตำนานช็อคอัพระดับโลก “Marzocchi”

|0 ความคิดเห็น
ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเก่าแก่ของประเทศอิตาลี Ferrari, Lamborghini, Ducati ต่างเป็นชื่อที่เราคุ้นหูเป็นอย่างดีและหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้คือ Marzocchi ย้อนหลังไปกว่า 60 ปี ในปี 1949 สองพี่น้องอิตาเลียนนาม Stefano และ Guglielmo Marzocchi ได้ก่อตั้งบริษัท Marzocchi Spa ขึ้นซึ่งในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในฐานะของผู้ผลิตระบบกันสะเทือนสำหรับจักรยานเมาเท่นไบค์และมอเตอร์ไซค์ชั้นนำเจ้าหนึ่งของโลก สองพี่น้อง Marzocchi ได้เริ่มอาชีพแรกของพวกเขาด้วยการเป็นดีไซเนอร์ให้กับบริษัทชื่อดังอย่าง Ducati แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ได้เริ่มเล็งเห็นว่าการสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองนั้นคือจุดมุ่งหมายที่แท้จริง

หลังจากประสบความสำเร็จจากการออกแบบและผลิตรถมอเตอร์ไซค์มาเป็นระยะเวลาหลายปี สองหนุ่มอิตาเลียนก็ได้ตัดสินใจที่จะทำระบบกันสะเทือนแบบไฮดรอลิคเป็นตัวกำหนดอนาคตของ Marzocchi ในช่วงปลายยุค 50 Marzocchi ได้เริ่มเป็นที่รู้จักกันในฐานะของระบบกันสะเทือนที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชื่อดังต่าง ๆ อย่างเช่น Ducati, BMW, Cagiva, KTM and Aprillia โดย Stefano และ Guglielmo ให้คำนิยามกับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาว่า “Performance without compromise” หรือถ้าจะให้แปลเป็นไทยง่าย ๆ ก็น่าจะใช้คำว่า “เด็ดขาดในทุกสมรรถนะ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Marzocchi นั้นได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกทั้งด้านการผลิต สมรรถนะและรูปลักษณ์
ในระหว่างช่วงปลายของยุค 80 Marzocchi เริ่มตอบสนองต่อความต้องการของตลาดวงการระบบกันสะเทือนของเมาเท่นไบค์ ผู้บริโภคทั้งหลายเริ่มเรียกร้องหาระบบกันสะเทือนสำหรับล้อหน้าให้กับเมาเท่นไบค์ของพวกเขา และในที่สุด Marzocchi ก็ได้เปิดตัวระบบกันสะเทือนหน้าสำหรับเมาเท่นไบค์ซึ่งยังเป็นตัว prototype ในปี 1989 หลังจากนั้นในปี 1995 Marzocchi ก็ได้นำช็อคอัพตัวแรกนาม Bomber ออกสู่ตลาด

Technical Department

ที่ฝ่ายเทคนิคของ Marzocchi ครบครันด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ล้ำสมัยสำหรับใช้ในการออกแบบและพัฒนา (3DCAD) และด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ Marzocchi สามารถที่จะทำการออกแบบผลิตและทดสอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงแก้ไขปัญหาที่เกิดกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างสมบูรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ช่วยทุ่นเวลาในการคัดสรรค์วัตถุดิบและลดการผิดพลาดทางการผลิตได้อย่างรวดเร็วทำให้กระบวนการในการผลิตสามารถทำได้รวดเร็วและสมบูรณ์ขึ้น

ผลิตภัณฑ์ของ marzocchi ทุกชิ้นได้รับการทดสอบอย่างละเอียดภายในบริษัท ผลิตภัณฑ์ต้นแบบจะถูกทำการทดสอบความแข็งแรงด้วยแท่นทดสอบแบบต่าง  ระบบไฮดรอลิคจะถูกทำการทดสอบโดยเครื่องทดสอบระบบการปรับแต่งการทำงานต่าง ๆ ของช็อคอัพ ในระหว่างการทดสอบซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ทันสมัยต่าง ๆ จะถูกนำมาติดตั้งที่ตัวจักรยานเพื่อช่วยในการหาข้อสรุปที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมาทางฝ่ายเทคนิคของ Marzocchi ได้ก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับโลกโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อค้นหาและทำการทดสอบเพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาให้กับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ แท้จริงแล้วประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันนั่นเองที่เป็นการพัฒนาความคิดและจุดเริ่มต้นให้กับช็อคอัพรุ่นใหม่ ๆ ต่อไป

โปรแกรมการแข่งขันประจำเดือน ตุลาคม 2554

|0 ความคิดเห็น
โปรแกรมการแข่งขันประจำเดือน ตุลาคม 2554

วันที่
รายการแข่ง
ติดต่อสอบถาม
2 ต.ค. 2554
รายการ “การแข่งขันจักรยานเสือภูเขา งานประเพณีวิ่งควาย 2554” ณ.ศาลเจ้าเทศบาลต.ปลวกแดง  อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
เทศบาลต.ปลวกแดง 038-659246
ชมรมจักรยานปลวกแดง  081-6361899
9 ต.ค. 2554
รายการ PRC Mountain bike soft challenger 2011 ณ.บริเวณสนามแข่งรถวิทยุบังคับ หนองหินซอย 5 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (งานนี้มีเงินรางวัลด้วย)

9 ต.ค. 2554
รายการ “แข่งขันจักรยานบ้านฟ่อนเสือภูเขา ครั้งที่ 1(ทางเรียบ” ณ.วัดบ้านฟ่อน ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่

คุณสมบัติ  089-8537877, 083-2081667
16 ต.ค. 2554
การแข่งขันจักรยานประเภทถนนและเสือภูเขาทางเรียบ “รายการตามหาเสียงพิณเยือนถิ่นหมอแคน” ปั่นรอบเขื่อนอุบลรัตน์ ครั้งที่ 3 ณ.เขื่อนอุบลรัตน์ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น

16 ต.ค. 2554
การแข่งขันรายการ “บ่อสุพรรณเมาเท่นไบค์ครั้งที่ 2
080-1234088, 084-0099774, 080-1230191
22-24  ต.ค. 2554
รายการ “The Master Tour of CMRU 2011” โดยมหาวิทยาลัย ราชภัฎเชียงใหม่ จะจัดให้มีการแข่งขันจักรยานเสือหมอบ แบบ Stage Race 3 วัน เงินรางวัลคะแนนรวม ทั้ง 4 รุ่น รวมของรางวัลจากผู้สนับสนุนมูลค่ารวมกว่า 1 แสนบาท!!!!! คลิกดูข้อมูล www.lannabiketrip.com/webboard/viewtopic.php?t=7884
มหาวิทยาลัย ราชภัฎเชียงใหม่
ตั้ม spinbike
23 ต.ค. 2554
การแข่งขันจักรยานเสือภูเขาเพื่อสุขภาพเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ณ เชิงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม
จังหวัดนครพนม, กกท.จ.นครพนม,ททท.เขต4 ,หอการค้าจ.นครพนม
23 ต.ค. 2554
การแข่งขันจักรยานเสือภูเขา รายการ “จักรยานใจเกินร้อยอำเภอวัฒนานครจังหวัดสระแก้ว ครั้งที่ 1” จ.สระแก้ว
หมอตี๋ 084-7849703
ป๋านันท์ 086-1473606
ประดิษฐ์ 081-7629557
29 ต.ค. 2554
การแข่งขันจักรยานรายการ “ขี่เสือ ชมป่า ดูกระทิง ครั้งที่ 1” ณ.โรงเรียนบ้านบุเจ้าคุณ ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
คุณหมู 081-7000784
คุณก๊อก 086-4028001, 080-6274255
Email: sthongboon@yahoo.com
30 ต.ค. 2554
การแข่งขันจักรยานรายการ “เสือภูเขาทางเรียบตุลามหาสนุก 54 โดยชมรมจักรยาน Knight Banko – CS การบัญชี ร่วมกันสโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา
โทร. 086-0664529




บทความจักรยานที่เกี่ยวข้อง