แอร์เนสโต โคลนาโก ตำนานจักรยานอิตาเลียนที่ยังมีลมหายใจ ตอนที่ 2
การเริ่มธุรกิจของแอร์เนสโตนับว่าถูกจังหวะ เมื่อเป็นปีที่เพื่อนร่วมชาติชาวอิตาเลียนสร้างความยิ่งใหญ่ไว้ได้มากทั้งระดับชาติและระดับสากล รางวัลเปรมิโอ ลา รินาสเชนเต คอมปัสโซ โดโร ที่มอบให้สุดยอดนวัตกรรมการออกแบบอุตสาหกรรมได้ถูกมอบเป็นครั้งแรกให้ มาร์โค นิสโซลี ผู้สร้างพิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้วแบรนด์โอลิเวตตีและจักรเย็บผ้า แบรนด์ เนคคี ปี 1954 นั้นเช่นกันที่ จินา ลอลโลบริจิดา สุดยอดดาราหญิงชาวอิตาเลียนกำลังโด่งดัง ภาพยนตร์เรื่อง ลา สตราดา จากฝีมือกำกับของ เฟรเดอริโก เฟลลินี ขึ้นจอเงินเป็นครั้งแรก ในขณะภาพยนตร์เรื่อง คอมมีเดีย อัลลิตาเลีย ได้ส่งให้ดาราอย่าง อัลแบร์โต ซอร์ดี ดังเป็นพลุแตก
ในวงการกีฬานั้นเล่า อาร์เจนติเน ฮวน มานูเอล ฟันจิโอ คือนักแข่งรถมือฉมัง ที่ต้องต่อสู้กับทั้งนักแข่งชาติเดียวกันคือ อัลแบร์โต อัสคารีม อุมแบร์โต มากลิโอลีม จูเซ็ปเป ฟารินา และไมค์ ฮอว์ธอร์น จากอังกฤษเพื่อชิงความยิ่งใหญ่ในฐานะแชมป์ฟอร์มิวล่า 1 ทีมฟุตบอลอินเตอร์ มิลานเช่น ยูเวนตุสหมอบราบคาบ ได้ครองตำแหน่งแชมป์ในกัลป์โซ เซเรียอา แต่กลับไปได้ไม่สวยนักกับการแข่งฟุตบอลโลกในสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อทีมชาติอิตาลีโดนเจ้าบ้านถล่มเสียฟอร์ม 2 ประตูต่อ 1 ต้องกลับบ้านอย่างหงอย ๆ ในรอบแรก
แต่ในปีเดียวกันนี้ที่ จิโน บาร์ตาลี ผู้กลายเป็นตำนานของวงการจักรยานอิตาเลียนกำลังอยู่ในช่วงขาลง หลังจากเจ็บหนักในอุบัติเหตุรถยนต์ชนเมื่อปี 1953 และการดวลครั้งประวัติศาสตร์ที่แทบจะแบ่งอิตาลีออกเป็นสองฝ่ายกลายเป็นแค่ความทรงจำ ฟิออเรนโซ มังงี ตั้งทีมจักรยานที่ผู้อุปถัมภ์ไม่ได้มีกิจกรรมใด ๆ เกี่ยวกับจักรยานเลยชื่อทีมนีเวีย-ฟุค
ปรากฎการณ์ด้านกีฬาที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในปี 1954 ประจวบเหมาะกับการเริ่มกิจการจักรยานของ แอร์เสโต โคลนาโก ทำให้มันดำเนินไปได้ค่อนข้างสวย โคลนาโกผู้มีประสบการณ์เพียบอยู่แล้ว จนเป็นที่เลื่องลือจากการเป็นช่างจักรยาน ได้ความรู้ในการสร้างเฟรมจักรยานแข่งมาจากบริษัท กลอเรียเดิมที่เริ่มต้นอาชีพ เศรษฐกิจช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เติบโตเร็วก้าวกระโดด เพราะชาวอิตาเลียนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น จึงให้ความสนใจต่อแบรนด์จักรยานใหม่ของตัวเองกันมาก เพราะอิตาลีเป็นประเทศคลั่งจักรยานไม่น้อยหน้าชาติไหนในยุโรปอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่สร้างจักรยานออกมาแล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
แล้วปรากฎการณ์ครั้งสำคัญที่สร้างชื่อให้โคลนาโกก็มาถึงในปี 1960 เมื่อ ลุยจี อาริเอนตี คว้าเหรียญทองได้ในการแข่งโอลิมปิคที่กรุงโรม และจักรยานที่เขาใช้ก็ไม่ใช่แบรนด์ไหนนอกจากโคนาโกหลังจากนั้นเป็นต้นมาตลอดทศวรรษที่ 1960-70 แอร์เนสโต โคลนาโก และโรงงานของเขาที่หมู่บ้านคัมบิอาโกก็เป็นที่รู้จัก ในฐานะหนึ่งในผู้สร้างเฟรมจักรยานแข่งคุณภาพสูงที่นักกีฬาทั้งในและนอกประเทศต้องเรียกหา
การหนีคู่แข่งให้ได้ว่ายากแล้วการหนีตัวเองยิ่งยากกว่า โคลนาโก ทำสำเร็จอีกครั้งด้วยการสร้างเฟรมเหล็กเบาเป็นพิเศษให้ เอ็ดดี้ แมร์กซ์ นักจักรยานฝีเท้าฉกาจชาวเบลเยี่ยมใช้ในปี 1972 ผลคือ แมร์กซ์สามารถทำลายสถิติโลกประเภทหนึ่งชั่วโมงได้สำเร็จ จักรยานคันนี้เลยถูกนำไปตระเวนตั้งแสดงทั่วโลก รวมทั้งตั้งแสดงอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงบรัสเซล เอ็ดดี้บอกว่าเขาไม่เคยคิดจะขายมันเลย แต่ได้บริจาคให้พิพิธภัณฑ์แทน
ประวัติการณ์ต่อมาคือการผลิตเฟรมเหล็ก (โคลัมบัส ทิวบ์) ให้สุดยอดนักจักรยานอีกคนของอิตาลีคือ จูเซ็ปเป ซารอนนี ชนะการแข่งขันแชมป์โลกประเภทจักรยานอาชีพได้สำเร็จ ถึงจักรยานจะเป็นส่วนประกอบและผู้ขับขี่เคลื่อนมัน คือคนก็จริง จักรยานเบา ๆ และเข้ากับสรีระก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักแข่งชนะได้ ทศวรรษที่ 1970 – 80 ซูเปอร์ คือหนึ่งในสุดยอดเฟรมแข่งระดับไฮเอนด์ของโคลนาโก ช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่โคลนาโกส่งเฟรมรุ่น มาสเตอร์ และต่อมาเมื่อพัฒนาเทคโนโลยีได้ถึงระดับก็ส่ง มาสเตอร์ – ไลต์ ออกสู่ตลาดอีกรุ่น นอกจากตัวเฟรมแล้วในช่วงเวลาเดียวกันนี้ยังผลิตตะเกียบแบรนด์ พรีซิซา (Precisa) ออกจำหน่ายคู่กัน ความพิเศษของพรีซีซาคือมันเป็นตะเกียบหน้าขาตรง นี้มีเหตุผลคือแทนที่จะให้ตะเกียบโค้งงอนออกด้านหน้าก็ให้มันทำมาเสียตั้งแต่ที่บ่าตะเกียบแทน ส่วนขาที่ตรงนั้นก็ยังทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกจากถนนที่ส่งขึ้นมาได้เหมือนเดิม แต่ที่ดีกว่าคือความตรงทำให้สปริ้นต์เร่งฝีเท้าเพิ่มความเร็วได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบอันล้ำสมัยของโคลนาโกในเวลานั้น พริซีซาจึงเป็นทั้งตะเกียบของสปริ้นเตอร์และตะเกียบที่เบาที่สุด มันเป็นตะเกียบเหล็กกล้าแต่กลับแข็งแรงและเบากว่าตะเกียบอลูมินั่มหรือแม้แต่คาร์บอนร่วมสมัยในขณะนั้น กระนั้นรูปทรงของตะเกียบตรงยังเป็นที่นิยมใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะตะเกียบสร้างด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
เมื่อกิจการไปได้สวย เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โคลนาโกก็สนับสนุนทีมจักรยานต่าง ๆ เพื่อสร้างชื่อจากการแข่งในระดับโลกและระดับภูมิภาค บริษัให้การสนับสนุนทีมจักรยานมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ด้วยการเป็นกลไกขับเคลื่อนทีมโมลเตนี ที่นักจักรยานนามกระเดื่อง เอ็ดดี้ แมร์กซ์, จูเซ็ปเป ซารอนนี ควบโคลนาโกเข้าเส้นชัยตลอดเวลาที่ยังแข่งจักรยานอาชีพ จนถึงปัจจุบันที่ยังคงสนับสนุนทีมจักรยานอิตาเลียนอยู่สม่ำเสมอ เห็นได้จากแกรนด์ทัวร์ทั้งสามรายการ และในรายการแข่งจักรยานใหญ่ ๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา
ในตอนต่อไปจะนำบทสัมภาษณ์ของ แอร์เนสโก โคลนาโก มาลงให้ได้อ่านกันครับ ..
บทความที่เกี่ยวข้อง: