มีหลายวิธีที่ถูกต้องเพื่อขี่จักรยานทางไกลเกินร้อย กิโลเมตร วิธีที่ผิดก็มีเหมือนกันแต่เราคงไม่แนะนำวิธีผิด ๆ ให้คุณ เพราะฉะนั้นจึงขอให้มั่นใจว่าสิ่งที่จะได้อ่านต่อไปนี้คือเรื่องดี ๆ และถูกต้องเท่านั้น
เริ่มปั่นช้า ๆ : ทำไมเราจึงแนะนำเช่นนั้น ก็เพราะคุณยังมีวันอันแสนยาวนานรอคอยอยู่จึงไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนอะไร ออกตัวง่าย ๆ ขี่ไปสบาย ๆ ด้วยรอบขาไม่ต้องจัดนัก ใช้เกียร์เบา ๆ แต่ไม่ต้องเบามากเพื่ออุ่นเครื่องให้กล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิต ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลยเว้นแต่จะเตรียมตัวมาดีและอยากทำลายสถิติหรืออยากจะได้ถ้วยกันจริง ๆ ถ้าตราบใดที่มันไม่ใช่การแข่งขันตราบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
คุมรอบขาให้ได้ : เพียงไม่กี่นาทีหลังจากออกตัวมาแล้วคุณจะเริ่มรู้รอบขาปั่นของตัวเอง รอบเท่าใดที่เหมาะสม ปั่นแล้วสบายไม่หนักแรงหรือเร่งชีพจรเกินไปก็ควรคงรอบนั้น ๆ ไว้ให้ได้ ตรวจสอบไซโคลคอมพิวเตอร์และเครื่องวัดชีพจรอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องปกติหากจะรู้สึกตื่นเต้นบ้างแต่คุณจะรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นเมื่อรอบขาคงที่แล้ว พอรอบขาหมุนได้คงที่คุณจะพบว่าความเร็วเพิ่มขึ้นเอง หากไปกันเป็นกลุ่มความเร็วที่เพิ่มขึ้นจะมากกว่าที่ตั้งใจไว้เสมอจนคุณเองก็ต้องแปลกใจ
จงขี่จักรยานเป็นกลุ่ม : ถ้าคุณมีเพื่อนซ้อมจักรยานเป็นประจำหรือรู้จักใครที่วางเป้าหมายในการขี่ไกลไว้เหมือนกัน การขี่ทางไกลจะยิ่งสนุกถ้าคุณและเพื่อนจับกลุ่มกันขี่แล้วผลัดกันขึ้นมาลาก ด้วยวิธีนี้จะสนุกและช่วยให้เบาแรงได้อย่างมหัศจรรย์ การได้คุยกันไปด้วยระหว่างปั่นจะทำให้ระยะทางร่นเข้าเร็วขึ้น การได้หมกอยู่กลางกลุ่มบ้างจะช่วยให้เบาแรงและความเร็วจะสูงขึ้นด้วยการปั่นไปด้วยกันมีเพื่อน ๆ คอยช่วงบังลมไว้ให้
ระวังกลุ่มขี่เร็วไว้ก็ดี : จากข้อที่แล้วที่เราบอกว่าการขี่จักรยานเป็นกลุ่มจะทำให้ความเร็วสูงขึ้น แต่ระหว่าทางนั้นถนนไม่ได้เรียบไร้หลุมบ่อหรือสิ่งกีดขวางจนถึงปลายทาง ระหว่างนั้นอาจมีการสร้างถนน หลุมบ่อ รถยนต์น้อยใหญ่จอดข้างทาง วิธีจะขี่เป็นกลุ่มแบบความเร็วสูงได้อย่างปลอดภัยคือต้องมีระบบการแจ้งเตือนที่เด่นชัดแน่นอน ทุกครั้งที่จักรยานแถวหน้าสุดเห็นสิ่งกีดขวางหรือจะเป็นอันตรายนักจักรยานต้องตะโกนบอกมาข้างหลังแล้วชี้ไปที่สิ่งนั้น ถ้าแถวยาวเป็นร้อย ๆ คันการชี้บอกจะกระทำเป็นทอด ๆ มาจนถึงคนสุดท้าย ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้นักจักรยานรอดจากการตกหลุมหรือชนเข้ากับรถหรือสิ่งกีดขวางอื่นริมทางได้ ในการปั่นความเร็วสูง ๆ ที่ล้อหน้าของคุณแทบจะสัมผัสกับล้อหลังของเพื่อนนั้น
มันยากจริง ๆ ที่จะหลบหลีกอะไรข้างหน้าได้ในระยะเพียงสามถึงห้าเมตร มองเห็นอย่างเดียวคงไม่พอต้องให้เพื่อนชี้บอกด้วย แต่การหลบหลีกต้องเป็นไปอย่างปลอดภัยคือต้องมีระยะห่างทางข้างให้เคลื่อนที่ได้ด้วยโดยไม่ไปเกี่ยวจักรยานข้างเคียงซ้ายขวาเข้า ถ้าเป็นหลุมไม่ลึกนักคุณก็ขี่ลุยได้โดยไม่ต้องหลบ เพราะการหลบจะทำอันตรายให้ตัวเองและเพื่อนพ้องได้มากกว่า ในกรณีที่เป็นสิ่งของวางพ้นพื้นขึ้นมารเราคิดว่าคงไม่ต้องหลบ เพราะหากชนเพื่อนคันข้างหน้าของคุณคงรับเคราะห์ไปก่อนแล้ว คุณนั่นแหละที่จะชนกับล้อหลังของเขาเองหากหลบไม่พ้น
ออมมามากแล้ว ใช้มันเสียบ้างตอนใกล้จบ : เมื่อคุณได้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกต้องมาตลอดตั้งแต่เริ่ม และรู้สึกดีมาก ๆ ในช่วงกิโลเมตรสุดท้าย ถ้ายังคิดว่าตัวเองมีเรี่ยวแรงก็จงเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิดโดยไม่จำเป็นต้องโหมปั่นสุดแรงเพราะมันคงไม่ช่วยอะไร อัตราชีพจรที่ถูกเร่งมาตลอดทางจะพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่เป็นผลดีอะไรเลย การรู้ว่าอีกไม่นานก็จะถึงเส้นชัยจะทำให้ตื่นเต้น อะดรีนาลีนหลั่งมากระตุ้นให้เกิดเรี่ยวแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง ถ้าคุณทำตามหลักการอย่างถูกต้องและปั่นมาได้ตลอดระยะโดยยังรู้สึกดี ความเร็วคงที่ ช่วงก.ม.สุดท้าย ๆ นี่แหละที่เรี่ยวแรงมันจะมาเอง
หลังจากเข้าเส้นชัยแล้วใช่ว่าจะหยุดอยู่แค่นั้น จอดจักรยานไว้ก่อนแล้วยืดเส้นยืดสายอีกครั้งเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักมาทุกวันจนเมื่อยล้า ถอดเสื้อผ้าเปื้อนเหงื่อและเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ออกซักทันที่ก่อนจะตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้สาบตัว ดื่มน้ำให้อิ่มหลังปั่น แล้วจึงบันทักสถิติเอาไว้ด้วยว่าระหว่างปั่นคุณเผชิญกับอะไรมาบ้าง ให้ลงรายละเอียดถึงสภาพอากาศ อุณหภูมิ เครื่องดื่ม และอาหารระหว่างการปั่น สถิติเหล่านี้แหละที่จะช่วยให้คุณใช้ตั้งต้นได้เมื่อจะปั่นครั้งต่อไปด้วยระยะมากกว่า 10 ก.ม.
ปั่นครบ 100 ก.ม.เป็นครั้งแรกแล้วสิ่งที่ต้องทำคือพักผ่อน หลังจากนอนให้เต็มที่แล้วการขี่จักรยานในวันรุ่งขึ้นควรเป็นไปอย่างไม่หักโหม คุณควรปั่นด้วยเกียร์เบา ๆ รอบขาสบาย ๆ โดยต้องไม่ลืมยืดเส้นยืดสายให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ที่ฝรั่งมีคำคมอยู่ว่า “สิ่งใดก็ตามที่มันฆ่าเราไม่ได้ มันย่อมทำให้เราแข็งแรงขึ้น” นั้นเป็นจริง คุณปั่นครบร้อยแล้วยังไม่ตายก็ย่อมหมายความว่าคุณพร้อมจะปั่นในระยะไกลขึ้นแน่นอนใช่แล้วครับ เรากำลังจะเปิดประตูนำคุณเข้าสู่ระยะทางที่ไกลขึ้น โลกใหม่ที่ท้าทายในระยะทางไกลกว่า 100 ก.ม. จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ถ้าเอาจริงคุณเองก็ขี่จักรยานไกลได้ถึง 200 ก.ม.โดยไม่ต้องเป็น แลนซ์ อาร์มสตรอง หรืออัลแบร์โต คอนทาดอร์
ขอให้โชคดีมีความสุขในการปั่นจักรยานทุกคนนะครับ..
เริ่มปั่นช้า ๆ : ทำไมเราจึงแนะนำเช่นนั้น ก็เพราะคุณยังมีวันอันแสนยาวนานรอคอยอยู่จึงไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนอะไร ออกตัวง่าย ๆ ขี่ไปสบาย ๆ ด้วยรอบขาไม่ต้องจัดนัก ใช้เกียร์เบา ๆ แต่ไม่ต้องเบามากเพื่ออุ่นเครื่องให้กล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิต ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลยเว้นแต่จะเตรียมตัวมาดีและอยากทำลายสถิติหรืออยากจะได้ถ้วยกันจริง ๆ ถ้าตราบใดที่มันไม่ใช่การแข่งขันตราบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
คุมรอบขาให้ได้ : เพียงไม่กี่นาทีหลังจากออกตัวมาแล้วคุณจะเริ่มรู้รอบขาปั่นของตัวเอง รอบเท่าใดที่เหมาะสม ปั่นแล้วสบายไม่หนักแรงหรือเร่งชีพจรเกินไปก็ควรคงรอบนั้น ๆ ไว้ให้ได้ ตรวจสอบไซโคลคอมพิวเตอร์และเครื่องวัดชีพจรอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องปกติหากจะรู้สึกตื่นเต้นบ้างแต่คุณจะรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นเมื่อรอบขาคงที่แล้ว พอรอบขาหมุนได้คงที่คุณจะพบว่าความเร็วเพิ่มขึ้นเอง หากไปกันเป็นกลุ่มความเร็วที่เพิ่มขึ้นจะมากกว่าที่ตั้งใจไว้เสมอจนคุณเองก็ต้องแปลกใจ
จงขี่จักรยานเป็นกลุ่ม : ถ้าคุณมีเพื่อนซ้อมจักรยานเป็นประจำหรือรู้จักใครที่วางเป้าหมายในการขี่ไกลไว้เหมือนกัน การขี่ทางไกลจะยิ่งสนุกถ้าคุณและเพื่อนจับกลุ่มกันขี่แล้วผลัดกันขึ้นมาลาก ด้วยวิธีนี้จะสนุกและช่วยให้เบาแรงได้อย่างมหัศจรรย์ การได้คุยกันไปด้วยระหว่างปั่นจะทำให้ระยะทางร่นเข้าเร็วขึ้น การได้หมกอยู่กลางกลุ่มบ้างจะช่วยให้เบาแรงและความเร็วจะสูงขึ้นด้วยการปั่นไปด้วยกันมีเพื่อน ๆ คอยช่วงบังลมไว้ให้
ระวังกลุ่มขี่เร็วไว้ก็ดี : จากข้อที่แล้วที่เราบอกว่าการขี่จักรยานเป็นกลุ่มจะทำให้ความเร็วสูงขึ้น แต่ระหว่าทางนั้นถนนไม่ได้เรียบไร้หลุมบ่อหรือสิ่งกีดขวางจนถึงปลายทาง ระหว่างนั้นอาจมีการสร้างถนน หลุมบ่อ รถยนต์น้อยใหญ่จอดข้างทาง วิธีจะขี่เป็นกลุ่มแบบความเร็วสูงได้อย่างปลอดภัยคือต้องมีระบบการแจ้งเตือนที่เด่นชัดแน่นอน ทุกครั้งที่จักรยานแถวหน้าสุดเห็นสิ่งกีดขวางหรือจะเป็นอันตรายนักจักรยานต้องตะโกนบอกมาข้างหลังแล้วชี้ไปที่สิ่งนั้น ถ้าแถวยาวเป็นร้อย ๆ คันการชี้บอกจะกระทำเป็นทอด ๆ มาจนถึงคนสุดท้าย ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้นักจักรยานรอดจากการตกหลุมหรือชนเข้ากับรถหรือสิ่งกีดขวางอื่นริมทางได้ ในการปั่นความเร็วสูง ๆ ที่ล้อหน้าของคุณแทบจะสัมผัสกับล้อหลังของเพื่อนนั้น
มันยากจริง ๆ ที่จะหลบหลีกอะไรข้างหน้าได้ในระยะเพียงสามถึงห้าเมตร มองเห็นอย่างเดียวคงไม่พอต้องให้เพื่อนชี้บอกด้วย แต่การหลบหลีกต้องเป็นไปอย่างปลอดภัยคือต้องมีระยะห่างทางข้างให้เคลื่อนที่ได้ด้วยโดยไม่ไปเกี่ยวจักรยานข้างเคียงซ้ายขวาเข้า ถ้าเป็นหลุมไม่ลึกนักคุณก็ขี่ลุยได้โดยไม่ต้องหลบ เพราะการหลบจะทำอันตรายให้ตัวเองและเพื่อนพ้องได้มากกว่า ในกรณีที่เป็นสิ่งของวางพ้นพื้นขึ้นมารเราคิดว่าคงไม่ต้องหลบ เพราะหากชนเพื่อนคันข้างหน้าของคุณคงรับเคราะห์ไปก่อนแล้ว คุณนั่นแหละที่จะชนกับล้อหลังของเขาเองหากหลบไม่พ้น
ออมมามากแล้ว ใช้มันเสียบ้างตอนใกล้จบ : เมื่อคุณได้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกต้องมาตลอดตั้งแต่เริ่ม และรู้สึกดีมาก ๆ ในช่วงกิโลเมตรสุดท้าย ถ้ายังคิดว่าตัวเองมีเรี่ยวแรงก็จงเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิดโดยไม่จำเป็นต้องโหมปั่นสุดแรงเพราะมันคงไม่ช่วยอะไร อัตราชีพจรที่ถูกเร่งมาตลอดทางจะพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่เป็นผลดีอะไรเลย การรู้ว่าอีกไม่นานก็จะถึงเส้นชัยจะทำให้ตื่นเต้น อะดรีนาลีนหลั่งมากระตุ้นให้เกิดเรี่ยวแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง ถ้าคุณทำตามหลักการอย่างถูกต้องและปั่นมาได้ตลอดระยะโดยยังรู้สึกดี ความเร็วคงที่ ช่วงก.ม.สุดท้าย ๆ นี่แหละที่เรี่ยวแรงมันจะมาเอง
หลังจากเข้าเส้นชัยแล้วใช่ว่าจะหยุดอยู่แค่นั้น จอดจักรยานไว้ก่อนแล้วยืดเส้นยืดสายอีกครั้งเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักมาทุกวันจนเมื่อยล้า ถอดเสื้อผ้าเปื้อนเหงื่อและเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ออกซักทันที่ก่อนจะตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้สาบตัว ดื่มน้ำให้อิ่มหลังปั่น แล้วจึงบันทักสถิติเอาไว้ด้วยว่าระหว่างปั่นคุณเผชิญกับอะไรมาบ้าง ให้ลงรายละเอียดถึงสภาพอากาศ อุณหภูมิ เครื่องดื่ม และอาหารระหว่างการปั่น สถิติเหล่านี้แหละที่จะช่วยให้คุณใช้ตั้งต้นได้เมื่อจะปั่นครั้งต่อไปด้วยระยะมากกว่า 10 ก.ม.
ปั่นครบ 100 ก.ม.เป็นครั้งแรกแล้วสิ่งที่ต้องทำคือพักผ่อน หลังจากนอนให้เต็มที่แล้วการขี่จักรยานในวันรุ่งขึ้นควรเป็นไปอย่างไม่หักโหม คุณควรปั่นด้วยเกียร์เบา ๆ รอบขาสบาย ๆ โดยต้องไม่ลืมยืดเส้นยืดสายให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ที่ฝรั่งมีคำคมอยู่ว่า “สิ่งใดก็ตามที่มันฆ่าเราไม่ได้ มันย่อมทำให้เราแข็งแรงขึ้น” นั้นเป็นจริง คุณปั่นครบร้อยแล้วยังไม่ตายก็ย่อมหมายความว่าคุณพร้อมจะปั่นในระยะไกลขึ้นแน่นอนใช่แล้วครับ เรากำลังจะเปิดประตูนำคุณเข้าสู่ระยะทางที่ไกลขึ้น โลกใหม่ที่ท้าทายในระยะทางไกลกว่า 100 ก.ม. จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ถ้าเอาจริงคุณเองก็ขี่จักรยานไกลได้ถึง 200 ก.ม.โดยไม่ต้องเป็น แลนซ์ อาร์มสตรอง หรืออัลแบร์โต คอนทาดอร์
ขอให้โชคดีมีความสุขในการปั่นจักรยานทุกคนนะครับ..